ภาค 3 เอกสารชั้นต้นที่สำคัญ

ชุดที่ 1

เอกสารสำคัญว่าด้วยการปกครองแผ่นดิน

1.1 หนังสือกราบบังคมทูลของเจ้านายและข้าราชการกราบบังคมทูล

ความเห็นจัดการเปลี่ยนแปลงระเบียบราชการแผ่นดิน

จ.ศ. 1246 (8 มกราคม ร.ศ. 103)

ที่มา

สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เอกสารรัชกาลที่ 5 กร 5 /8

หนังสือกราบบังคมทูลของเจ้านายและข้าราชการ

กราบบังคมทูลความเห็นจัดการเปลี่ยนแปลงระเบียบราชการแผ่นดิน

 

856 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

ข้าพระพุทธเจ้า ผู้มีชื่อในท้ายหนังสือนี้ ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาศกราบบังคมทูลพระกรุณา ทรงทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท

ด้วยอำนาจความกตัญญูต่อใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท แลความรักชาติบ้านเมือง ซึ่งเปนของไทยมาหลายร้อยปี จึ่งทำให้ข้าพระพุทธเจ้าตั้งใจเอาร่างกายแลชีวิตรเข้าฉลองพระเดชพระคุณทำราชการให้บ้านเมืองเจริญ ได้เปนที่สำนักนิ์ร่มเยนเปนเอกราชในประเทศของตน แลทั้งอำนาจน้ำพระพัฒซึ่งข้าพระพุทธเจ้าถือเอาเปนที่หมายว่า ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทมีพระราชหฤไทยเชื่อถือในความสัตยของข้าพระพุทธเจ้า แลตั้งพระราชหฤไทยที่จะทำนุบำรุงข้าราชการแลราษฎรทั้งหลายในพระราชอาณาเขตรให้มีความศุขความเจริญทั่วไป ทั้งสัญญาซึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้แสดงทูลเกล้าฯถวายว่า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายมีใจซื่อสัตยกตัญญู คิดที่จะทำราชการฉลองพระเดชพระคุณ โดยเตมกำลังแลปัญญา ข้าพระพุทธเจ้าจึ่งได้สามารถกราบบังคมทูลพระกรุณา ในสมัยกาลปัตยุบันนี้ ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายเหนด้วยเกล้าฯ ว่า เปนเวลาที่อันตรายจะมาถึงกรุงสยามได้ด้วยเหตุไภยต่าง ๆ แลซึ่งข้าพระพุทธเจ้าถือว่า ถ้ามิได้กราบบังคมทูลพระกรุณาตามรู้เหนแล้ว ก็เปนการขาดจากความกตัญญูแลน้ำพระพัฒ ทั้งความรักใคร่ในใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท….(อักษรเลือน)... ข้าพระพุทธเจ้าชาวสยามทั่วกันหมด

ความซึ่งข้าพระพุทธเจ้าจะได้กราบบังคมทูลพระกรุณาต่อไปนี้มีอยู่สามข้อเปนประธาน

1. คือไภยอันตรายซึ่งจะมีมาถึงกรุงสยามได้ ด้วยความปกครองของกรุงสยามอย่างเช่นมีอยู่ในปัตยุบันนี้ จะเปนไปได้ด้วยเหตุต่าง ๆ ดังเช่นมีตัวอย่างของชาติที่มีอำนาจใหญ่ ได้ประพฤติต่อชาติซึ่งหาอำนาจป้องกันปกครองมิได้

2. คือการที่จะรักษาบ้านเมืองให้พ้นไภยอันตราย ที่จะเกิดขึ้นได้ด้วยการปกครองของบ้านเมืองอย่างมีอยู่ปัตยุบันนี้ โดยทางยุติธรรมฤๅอยุติธรรมของสัตรูก็ดี ต้องอาไศรยความเปลี่ยนแปลงในทางทำนุบำรุงรักษาบ้านเมือง ตามทางยี่ปุ่นที่ได้เดินทางยุโรปมาแล้ว แลซึ่งประเทศทั้งปวงที่มีศิวิไลศ์ นับกันว่าเปนทางอันเดียวที่จะรักษาบ้านเมืองได้

3. ที่จะจัดการตามข้อสองให้สำเรจได้จริงนั้น อาจเปนไปได้อย่างเดียว แต่จะตั้งพระราช-หฤไทย ว่าสรรพสิ่งทั้งปวงต้องจัดให้เปนไปโดยจริงอย่างอุกฤษฐทุกสิ่งทุกประการ ไม่เว้นว่าง

อันตราย

ซึ่งจะกราบบังคมทูลพระกรุณาในเรื่องไภยอันตรายที่จะมาถึงกรุงสยามนั้น เปนความยืดยาวมาก แลความเหล่านั้นก็ได้ทรงทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทโดยมากแล้ว เพราะฉนี้ข้าพระพุทธเจ้าจะขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลพระกรุณา แต่ข้อสำคัญภอเปนสังเขปไภยอันตรายที่จะมีมานั้น ต้องมาแต่ข้างนอกพระราชอาณาเขตร แลจะมาจากประเทศที่มีอำนาจมากกว่ากรุงสยาม มีประเทศหนึ่งประเทศใดในยุโรปเปนต้น ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทได้ทรงทราบแล้วว่า ชาติยุโรปชาติหนึ่งชาติใดจะต้องประสงค์เมืองหนึ่งเมืองใดแล้ว ต้องมีทางที่เขาเรียกว่ายุติธรรมที่จะเอาเมืองนั้น ๆ ได้ ทางทำมดาที่ชาติยุโรปใช้อยู่นั้นมีอยู่เปนต้น

1. อ้างว่าเปนทำมดาผู้มีความกรุณาต่อมนุษยด้วยกันทั่วไป ต้องประสงค์ที่จะให้มนุษยมีความศุขความเจริญ แลได้รับความยุติธรรมเสมอทั่วกัน

857 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

2. อ้างเอาความเจริญความศิวิไลศ์ของชาวยุโรป แลความไม่เจริญของประเทศเอเชีย แล้วจึ่งเหนต่อไปว่า ใช่แต่เปนการกีดขวางความเจริญของเอเชียเท่านั้นไม่ แต่ยังเปนทางกีดขวางของความเจริญแห่งประเทศซึ่งเดินทางศิวิไลศ์ด้วย จึ่งเปนช่องให้ประเทศหนึ่งประเทศใดในยุโรปคิดเข้าเปนผู้ปกครองจัดการบ้านเมืองนั้นให้เจริญเพื่อจะได้ประโยชน์ทั่วกัน

3. ยกว่าคอเวอนเมนต์นั้น ๆ จัดการบ้านเมืองไม่เรียบร้อย จึ่งมีโจรผู้ร้ายทำอันตรายต่อชีวิตรแลทรัพย์สมบัติทั้งปวง แลอันตรายนั้นมาถึงชาวยุโรปซึ่งทำผลประโยชน์อยู่ในประเทศนั้น ๆ ด้วย จึ่งเปนช่องอันหนึ่งของชาวยุโรปที่จะเข้าจัดการบ้านเมืองนั้นได้ เพื่อประโยชน์ที่จะได้ให้ความศุขทั่วไปทั้งชาวยุโรปแลคนในชาตินั้น ๆ แลตั้งจะกำจัดคนพาลด้วย

4. ชาติใด ๆ ในประเทศยุโรปซึ่งมีความเจริญใหญ่โตมากแล้ว แลจะตั้งอยู่ได้ต่อไปก็ดี ต้องอาไศรยการค้าขายเปนกำลัง เหตุฉนั้นบ้านเมืองใดซึ่งมีสินค้าแลทรัพย์แผ่นดิน แต่หาได้เปิดแลคิดให้เปนทางค้าขาย เพื่อเปนกำลังแลประโยชน์ต่อตนแลท่านไม่ ก็เปนช่องที่ชาวยุโรปจะมาเปิดบ้านเมืองให้เปนทางค้าขาย แลทำบ่อแร่บ่อทองให้เปนประโยชน์ขึ้น

แต่ทางทั้ง 4 ข้อซึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณามานี้ต้องมารวมอยู่ในข้อเดียวว่า ทางให้ความศุขแก่มนุษยเสมอกันก็ดี อ้างความเจริญของประเทศยุโรปก็ดี ทางระงับโจรผู้ร้ายฤๅเปิดทางค้าขายก็ดี ต้องประกอบไปด้วยการปกครองรักษาแผ่นดินของเมืองนั้น ๆ ทั้งสิ้น เมื่อเมืองใดมีแผ่นดิน มีทรัพย์ในแผ่นดิน แลมีราษฎรอยู่ในแผ่นดินนั้นตามสมควร แต่เมืองนั้นไม่มีอำนาจแลความคิดที่จะจัดแจงปกครองบ้านเมืองของตนให้เปนประโยชน์แก่ตนแลท่านได้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะยึดเหนี่ยวเอาแผ่นดินแลทรัพย์ซึ่งเปนของสำหรับให้มนุษยทั้งโลกย์ได้ส่วนประโยชน์แลความศุขในนั้นด้วยให้ไปเสีย ๆ เปล่า ๆ ความซึ่งยุโรปคิดดังนี้เปนทางถูกโดยทางยุติธรรมของโลกย์อันยิ่ง เหมือนหนึ่งกฎหมายไทยซึ่งมีอยู่ข้อ 1 ว่า ถ้าผู้จับจองไร่นาไว้มิอาจสามารถที่จะทำให้เปนผลประโยชน์ได้ เมื่อพ้นพระราชกำหนดแล้ว ผู้หนึ่งผู้ใดจะมาจับจองไปทำให้เปนประโยชน์ ผู้ที่เปนเจ้าของเดิมก็ไม่มีอำนาจที่จะขัดขืนได้ฉันใด การที่ประเทศยุโรปได้เที่ยวครอบครองบ้านเมืองน้อยใหญ่ในประเทศเอเชีย มีโคโลนีของอังกฤษแลฝรั่งเสศเปนต้น แลการที่จะเข้าครอบครองนั้น ได้ด้วยสาเหตุพาลฤๅอย่างใด ๆ ก็ดี ไม่มีชาติใดว่ากล่าวติเตียนว่าเปนอยุติธรรมไม่ เพราะสาเหตุนั้นจะมีภอฤๅไม่ที่จะพาลรบ ฤๅเข้าครอบครองด้วยอุบายอย่างใดก็ดี แต่ความประสงค์ของยุโรปนั้นมีอยู่อย่างเดียวแต่ที่จะบำรุงความเจริญศิวิไลเซชั่นของโลกย์ให้มนุษยมีความศุขเสมอทั่วกัน ดังที่ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณามาข้างต้นนั้นแล้ว

แต่ประเทศที่กรังกกรี 1 อยู่ในใต้ปกครองของชาวยุโรปนั้น ก็ยังคิดเหนไปต่าง ๆ ว่ายุโรปทำการข่มเหงเพราะว่ามีอำนาจน้อย แต่เมื่อได้พิเคราะห์ดูโดยเลอียดแล้ว ก็จะเหนได้ว่าการที่ทำนั้นเปนทางเมตตากรุณา แต่เพื่อประโยชน์แลความศุขของตน แลราษฎรในเมืองซึ่งได้อยู่ในการปกครองด้วย

ดังข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณาในทางยุโรปเดิน แลความคิดความเหนของชาวยุโรป ในการที่เขาเหนควรจะเข้าปกครองบ้านเมืองใด ๆ ซึ่งเหนว่าบำรุงรักษาตัวเองมิได้ ข้าพระพุทธเจ้าต้องขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ชักเอาความซึ่งเปนตัวอย่างของชาติที่มีอำนาจมากได้ประพฤติต่อชาติเลกน้อย เพื่อได้ทรงพระราชดำริห์เปรียบเทียบในความอันตราย

 

858 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

อย่างหนึ่งอย่างใดตามในหนังสือ ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้คัดความจากหนังสือพิมพ์สอดมาทูลเกล้าฯ ถวายในนี้

เมื่อได้ทรงทราบในใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทว่าชาติยุโรปได้ทำแก่ชาติเลกน้อย ด้วยทางยุติธรรมก็ดี อยุติธรรมก็ดี แต่ด้วยมีความประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดตามข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณามาในข้อทั้ง 4 ข้างต้นแล้ว

ชาติยุโรปอื่น ๆ ก็พลอยเหนดี หาได้คิดที่จะช่วยชาติเลกน้อยไม่ เพราะว่าการที่ชาติใดจะไปช่วยนั้น เขาต้องมีประโยชน์อย่างหนึ่ง ฤๅเมื่อชาติใดไปข่มเหงเมืองเลกน้อย ประโยชน์ของเขาที่ได้อยู่จะพลอยเสียไปด้วยหนึ่ง แต่ทั้งสองข้อนี้ ชาติที่จะช่วยยังต้องคิดเหมือนกัน ว่าเมืองที่มีกำลังน้อยนั้นตั้งอยู่ตามนิไสยประเทศเอเชียแล้ว เขาจะมีผลประโยชน์มากน้อยเท่าใด แลถ้าอยู่ในใต้ความปกครองของชาติยุโรปชาติหนึ่งชาติใด ผลประโยชน์ของเขาจะประมูลขึ้นฤๅไม่ เมื่อคิดไปดังนี้แล้ว ตามความเหนของชาวยุโรปต่าง ๆ ก็พร้อมเพรียงกันว่า ชาติเลกน้อยนั้นถึงชาติใด ๆ ในยุโรปจะมีประโยชน์ในทางค้าขาย ฤๅสิ่งหนึ่งสิ่งใดมากอยู่แล้วก็ดี แต่ให้อยู่ในความปกครองชาติหนึ่งชาติใดในยุโรปแล้ว ชาติทั้งปวงคงจะต้องได้ผลประโยชน์มากขึ้นเปนแน่ การที่ให้เขาคิดดังนั้นก็เพราะการปกครองรักษาของชาติเลกนั้นไม่ดีภอ ฤๅมิอาจสู้ความปกครองของชาติยุโรปที่จะทำให้แต่ชาติในใต้บังคับของเขาได้

เมื่อข้าพระพุทธเจ้าได้คิดเหนแลทราบเกล้าฯ ตามที่ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณามาแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าเหนด้วยเกล้าฯ อย่างเดียวว่ากรุงสยามที่มีความปกครองอย่างทุกวันนี้ เปนช่องเปนทางอันใหญ่อยู่ที่ชาติหนึ่งชาติใดจะมารบเอา ฤๅปกครองด้วยอุบายทางหนึ่งทางใด ดังมีตัวอย่างที่ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณามาแล้วนั้น

ในเวลาทุกวันนี้ ฝรั่งเสศได้ไปใกล้กรุงสยามมาก แลคิดจะขึ้นมาเวลาใดก็อาจสามารถที่จะทำได้ในเวลานั้นเอง เพราะการที่ฝรั่งเสศได้ทำต่อประเทศต่าง ๆ ดังที่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณามาแล้วนั้น มีช่องมีโอกาศในกรุงสยามภอที่เขาจะจับสาเหตุเอาได้เหมือนกัน ข้าพระพุทธเจ้าจึ่งเหนด้วยเกล้าฯ ว่า อันตรายนั้นเปนการใกล้กรุงสยามอย่างที่สุด จนมีหนังสือพิมพ์ออกความเหนกะเวลาทำนายว่า ไม่ช้าใน 5 ปีนี้คงจะต้องเกิดเหตุการ ข้าพระพุทธเจ้ากราบบังคมทูลพระกรุณานี้มิใช่ด้วยการตื่นตกใจ แต่เปนความคิดที่เหนด้วยเกล้าฯ ว่ากรุงสยามถ้าจะคิดรักษาแล้ว ต้องเปนการจำเปนที่จะนิ่งอยู่ดังนี้ไม่ได้เลย

การแก้ไข

ดังที่ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณาถึงไภยอันตรายมาแล้วนั้น ข้าพระพุทธเจ้ามีความเชื่อถือเปนอันแน่ว่า เมื่อได้ทรงพระราชดำริห์โดยทางที่ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณาแล้ว ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทคงจะตั้งพระราชหฤไทยที่จะแก้ไขรักษากรุงสยามให้พ้นไภยอันตราย

ข้าพระพุทธเจ้าได้เหนโดยเตมใจเตมการแล้ว ว่าใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทแลข้าลอองธุลีพระบาท ซึ่งมีความรักบ้านเมืองได้คิดถึงทางแก้ไขต่าง ๆ แลได้เดินทางนั้น ซึ่งเหนว่าเปนทางที่จะพ้นไภยอันตรายได้ แต่ทางเหล่านั้นก็ดี ฤๅที่คิดกันอยู่ว่าจะเดินทางต่อไป ข้าพระพุทธเจ้าเหนด้วย

 

859 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

เกล้าฯ ว่าไม่เปนทางที่ป้องกันอันตรายได้จริงเลย

ข้าพระพุทธเจ้าต้องขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลพระกรุณาในทางนั้น ๆ ต่อไป เพื่อประสงค์ที่จะได้ทรงพระราชดำริห์แลเปรียบเทียบในทางนั้น

1. คือทางมีความอ่อนหวานที่ยอมอลุ้มอล่วยเมื่อเวลาสัตรูมาจับสาเหตุจับข้อที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพื่อประสงค์ให้สัตรูมีความสงสารผ่อนผันให้บ้าง ภอสำเรจตลอดไปได้เปนเมื่อเปนคราว แลโดยถ้าจะเสียพระราชอาณาเขตรบ้าง ฤๅค่าปรับไหมก็ยอม เพราะมีความประสงค์ดังที่ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณามาแล้ว แต่ความคิดอ่อนน้อมยินยอมอันนี้ ข้าพระพุทธเจ้าจะกราบบังคมทูลพระกรุณาได้กระจ่างว่าเปนความคิดผิดแลใช้ไม่ได้ ด้วยตัวอย่างซึ่งชาติมีอำนาจได้ประพฤติแก่ชาติหาอำนาจมิได้ ดังได้คัดความจากหนังสือพิมพ์สอดทูลเกล้าฯ ถวายมาในนี้

ความคิดอ่อนหวานอันนี้ ยี่ปุ่นได้ใช้มาช้านานแล้ว แต่เปนการที่เขาเหนว่าใช้ไม่ได้อีกต่อไปเพราะได้เหนชัดในการอ่อนน้อมอลุ้มอล่วยตามไปนั้น มีแต่จะเสียทุนเข้าไปทุกครั้งทุกคราว แลเพื่อประสงค์ที่จะให้เขาสงสารนั้นก็เปนประกันได้แต่เพียงผ่อนสั้นให้เปนยาว แลต่อไปสาเหตุเก่าที่แล้วไปนั้นก็คงกลับมาให้เปนข้อเปนเหตุตามเดิมร่ำไป จนยี่ปุ่นเหนจริงใจว่า การที่จะให้ยุโรปสงสารนั้นได้อย่างเดียว แต่ที่จะจัดการบ้านเมืองของตนให้สมควรที่เขาจะสงสารแลเกรงใจได้ ยี่ปุ่นจึ่งมิได้คิดหวังใจในการอุดหนุน ฤๅความสงสารของประเทศยุโรปเลย ตั้งใจแต่จะจัดการให้เปนยุติธรรม แลเอาข้อยุติธรรมนั้นเปนเครื่องกดขี่ให้ประเทศยุโรปนับถือ ยอมให้มีทางได้เสียเสมอกันจนในเรว ๆ นี้ จะได้ใช้กฎหมายของยี่ปุ่นให้ชาวยุโรปที่อยู่ในเมืองนั้นปฏิบัติตามเหมือนดังราษฎรยี่ปุ่นเองแลข้าพระพุทธเจ้าเหนด้วยเกล้าฯ ว่า เมืองใด ๆ ที่มีอำนาจน้อยต้องยอมใช้ทางอ่อนหวานนี้ แต่เมืองนั้น ๆ เมื่อเวลาที่ชาติมีอำนาจใหญ่จะต้องประสงค์แล้ว ทางอ่อนหวานยินยอมเท่านั้น ก็ไม่ปรากฏว่าทำให้บ้านเมืองรอดจากเปนข้าได้

2. ทางที่จะต่อสู้ด้วยกำลังทหาร เมื่อเวลาที่ไภยอันตรายภายนอกมาถึงนั้น เปนทางที่ใช้ไม่ได้เหมือนกัน ข้าพระพุทธเจ้ากราบบังคมทูลพระกรุณาดังนี้ เพราะได้สังเกตตามพงษาวดารยุโรปที่มีมา ยังหาได้ทราบเกล้าฯ จนสักครั้งหนึ่งไม่ว่า ชาวยุโรปรบชาติที่ต่ำกว่าซึ่งเปนชาติในเอเชียเปนต้น ที่ได้มีความอัปราไชยแก่ชาติเอเชียนั้น ๆ ข้าพระพุทธเจ้ามิได้ประสงค์ที่กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ชาติยุโรปมิได้พ่ายแพ้ในการรบเลกน้อยเปนครั้งคราวเลย แต่ข้าพระพุทธเจ้าประสงค์จะอ้างว่าในการรบใหญ่หลายกองทัพหลายคราว แลในเวลาสิ้นตอนรบนั้น ชาติยุโรปคงจะมีไชยชนะ แลอาจสามารถที่จะทำสัญญาเอาตามประสงค์ของเขาในตอนปลายได้ แลเมื่อชาติยุโรปได้รบเมืองใดชนะแล้ว ก็ย่อมคิดเอาเงินค่าที่ใช้ในการรบที่เขาต้องเสียไปนั้นแก่ชาติที่แพ้จนเหลือเกิน ที่จะนึกเอาว่าชาติยุโรปที่ไหนจะมารบเราเพราะเขากลัวเสียเงินนั้น คิดดังนี้ไม่ถูก เพราะรบครั้งใด เงินที่เสียไปก็ได้คืน ยังซ้ำกลับคิดเอากำไรทุกครั้ง เขาจะต้องกลัวเสียเงินทำไม

ความคิดที่ได้พูดจากันในยุโรปนี้มีอยู่เสมอว่า ถ้าชาติยุโรปชาติใดได้ไปรบแล้วพ่ายแพ้แก่ชาติน้อย เปนความเสียอันใหญ่ดังไปทำให้ชาติที่เลกนั้นกลับเดินถอยหลัง ในความรุ่งเรืองเจริญ(ศิวิไลเซชั่น) ในบ้านเมืองนั้น ทั้งเปนการเสียผลประโยชน์ แลความป้องกันอันตรายของชาติยุโรเปียนแลอื่น ๆ ด้วย ถ้ายุโรปได้รบแล้ว ควรต้องเอาไชยชนะให้ได้ตามความประสงค์ แลเมื่อได้เมืองนั้น ๆ ไว้แล้วก็อาจสามารถที่จะทำนุบำรุงให้เจริญขึ้นได้

 

860 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

กะว่าโดยทางเลอียดขึ้นอีก ที่สุดไทยจะมีทหารที่จะต่อสู้ได้อย่างมากเพียง 50,000 แลการที่จะจัดทหารให้ได้ 50,000 ก็ต้องออกพระราชทรัพย์ซื้ออาวุธต่าง ๆ แลเครื่องสำหรับทหารพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง เงินนี้ข้าพระพุทธเจ้าได้ประมาณคิดถัวทั้งค่าอาวุธ เครื่องแต่งตัว เครื่องใช้ในการรบ ให้มีค่ายแลเครื่องเกวียนบันทุกพร้อมทุกสิ่ง ให้ได้จริงเหมือนทหารในยุโรปแล้ว คิดถัวอย่างต่ำนับเอาตัวคนเปนประมาณ คิดเอาคนละ 1 ชั่ง ก็เปนเงิน 50,000 ชั่งอย่างน้อย ในการที่จะต้องเสียในชั้นต้น แลตั้งแต่เวลาที่มีทหารนอนเมืองอยู่ถึง 50,000 ดังนี้ เงินค่าเบี้ยเลี้ยงก็ต้องเสียเสมอเปนอันมาก ข้าพระพุทธเจ้าเหนด้วยเกล้าฯ ว่าจะออกพระราชทรัพย์ในคราวแรกถึง 50,000 ชั่งนั้นไม่ได้ ฤๅถ้าจะคิดออกแค่ปีละส่วนทีละน้อยภอจะออกได้นั้น การที่จะจัดทหารให้สำเร็จขึ้นได้มากถึง 50,000 นั้นก็ต้องเสียเวลาหลายปี

ดังที่ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณาแล้วว่า อันตรายนั้นใกล้กรุงสยามที่สุด เวลาที่จะรอจัดทหารให้ถึง 50,000 ดังนี้ หาภอกันกับเวลาที่อันตรายจะมาถึงไม่ โดยถ้าเวลามีภอฤๅจะรอไปให้จวนตัวอีกแล้วจึ่งจะคิดจัดนั้น การหาซื้อเครื่องสาตราวุธมิใช่เปนการเรว ต้องเสียเวลามากเหมือนกัน แลถ้าเมืองหนึ่งเมืองใดในยุโรปฤๅอเมริกาทราบข่าวว่าเมืองไมตรีของเขาจะทำสงครามกับไทย แลทั้งเขาจะคิดอิจฉาริษยากันเองก็ดี แลโดยที่สุดจะเปรียบกำลังทหารต่อทหาร ก็สู้กันไม่ได้เปนอันขาด ข้าพระพุทธเจ้ายังหาเหนด้วยเกล้าฯ ไม่ ที่ไทยก็ดี ฤๅชาติใด ๆ ก็ดี จะมีไชยชนะแก่ชาติยุโรปไปได้ แลถ้าไทยจะมีไชยชนะแก่ชาวยุโรปแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าเหนต้องกันกับความเหนของชาวยุโรป ว่าจะเปนการเดินถอยหลังของความเจริญแห่งบ้านเมือง เพราะว่าไทยเมื่อเวลามีไชยชนะแก่ชาติยุโรปแล้ว ความประสงค์อันดีอันยุติธรรมของยุโรปเปนต้น การเปิดสินค้า การรงับโจรผู้ร้าย แลทั้งการให้ความศุขแก่มนุษย์ให้เสมอทั่วกัน ฯลฯ เหล่านี้ก็ไม่อาจจะเปนไปได้โดยจริง ที่จะเปนประโยชน์แก่บ้านเมือง ข้าพระพุทธเจ้าเหนด้วยเกล้าฯ ว่า ขนบธรรมเนียมของไทยทุกวันนี้ อย่างที่ดีก็มาก ที่ผิดทั้งทางโลกยทางธรรมแท้ก็มี แลถ้าธรรมเนียมชั่วเหล่านี้มิได้เปลี่ยนแปลง แลชาติยุโรปจะไปบังคับให้เปลี่ยนแปลง ถ้าไทยขัดขืนได้ด้วยกำลังทหารแล้ว ธรรมเนียมนั้น ๆ ก็คงยังตั้งอยู่เสมอ แลเมื่อตั้งอยู่ตราบใด จำเปนต้องกีดขวางความเจริญของกรุงสยามแลราษฎรทั่วไป

เหมือนดังกรุงสยามนี้ เปนเมืองที่ยังไม่มีอำนาจแลความเจริญเลย แต่จะบำรุงความเจริญให้มีขึ้นในรหว่าง ซึ่งยังมีธรรมเนียมอันชั่วปนอยู่ดังนี้ ไหนเลยจะมีความเจริญขึ้นได้ แต่เมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองแล้ว แลมีอำนาจใหญ่ดังเมืองเตอกี เมืองจีนเปนต้น ถ้าจะเปรียบกับเมืองเราก็ไกลกันหลายเท่าหลายส่วนนัก ยังเปนอันตรายย่อยยับลงทุกที่ ๆ เรื่องราวเหล่านี้ก็ทรงทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทอยู่แล้ว แต่ความซึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณาพรรณนามาดังนี้ ใช่ว่าจะติเตียนว่าการทหารจะไม่มีประโยชน์เลยทีเดียวก็หามิได้ การทหารเปนของต้องจำเปนต้องจัดขึ้นเหมือนกัน เพราะเปนประโยชน์ในชั้นต้น ดังที่ข้าพระพุทธเจ้าจะได้กราบบังคมทูลพระกรุณาในภายหลัง

3. ยังมีความเหนอีกทางหนึ่ง ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้ใคร่ครวญตามภูมิประเทศของกรุงสยาม ที่มีเขตรแดนติดต่อกับประเทศซึ่งอยู่ในบำรุงของชาติยุโรปทั้งสอง คืออังกฤษแลฝรั่งเสศ จึ่งยังเปนที่พูดให้เหนจริงได้อีกทางหนึ่งว่า กรุงสยามจะต้องตั้งอยู่เปนเอกราชได้ เหมือนเมือง

       

861 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

อียิปต์ฤๅเมืองเบลเยียม แลเมืองสวิตเซอร์แลนด์เปนต้น เพราะจะได้เปนกำแพงในรหว่างเขตรแดนอังกฤษแลฝรั่งเสศ ด้วยชาติทั้งสองนี้คงต้องประสงค์ให้มีเมืองอยู่ในรหว่างเพื่อกันเขตรแดนมิให้ติดต่อกัน แลทำให้การป้องกันรวังรักษาของประเทศทั้งสองง่ายขึ้น แลถ้าไทยรักษาบ้านเมืองให้เรียบร้อย แลรักษาทางพระราชไมตรีทั้งสองชาติให้เจริญก็มิต้องกลัวไภยอันตรายอีกต่อไปเลย

ที่จะถือเอาดังนี้ ข้าพระพุทธเจ้าเหนด้วยเกล้าฯ ว่าเปนการถูกต้อง แต่จะต้องเข้าใจว่ากรุงสยามที่จะตั้งอยู่ดังนั้น อยู่ได้เหมือนกำแพงกั้นเขตรแดนของชาติทั้งสองเท่านั้น แลเขาจะยอมให้มีอยู่แต่แผ่นดินอย่างแคบที่สุด แต่ยาวภอตลอดเขตรแดนของเขาก็ได้ กรุงสยามที่อยู่ในรหว่างประเทศใหญ่ทั้งสองดังนี้ ประเทศทั้งสองมีอำนาจที่จะบังคับฤๅเข้าช่วยเปนธุระในการรักษาชาติบ้านเมืองให้คุ้มโจรผู้ร้าย ซึ่งจะหลบหลีกมาแต่เขตรแดนทั้งสอง ซึ่งมีกฎหมายแลการรักษาอันแขงแรง กรุงสยามก็จะมีแต่ความเดือดร้อน แลความวุ่นวายเกี่ยวข้องของชาติเหล่านี้เปนประมาณ แลทั้งประโยชน์พืชน์พรรณ์ก็จะตกอยู่ในอังกฤษแลฝรั่งเสศทั้งสิ้น

การที่อังกฤษกับฝรั่งเสศคิดจะแบ่งเขตรแดนกรุงสยามให้เหลือภอเปนกำแพงนี้ เมืองทั้งสองได้คิดแลลงมือทำอยู่แล้ว อังกฤษยอมให้ฝรั่งเสศเอาเมืองเขมร แลอังกฤษเองก็คิดล่วงลามเข้ามาเอาเขตรแดนมลายู เปนที่ให้เหนได้ว่าเขามิได้มีความริษยาซึ่งกันแลกัน การที่แบ่งบ้านเมืองไทยให้เหลือเปนแต่กำแพงดังนี้ เขาอาจที่จะทำได้ด้วยทางต่าง ๆ ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณามาในไภยอันตราย แลที่จะคิดว่าทางแก้ไขของการอันนี้ เพียงแต่จะรักษาทางพระราช-ไมตรี แลจัดการรักษาบ้านเมืองอย่างเดิมดังนี้ไม่ได้ คงจะต้องเสียร่อยหรอเข้าไปทุกที

4. อีกทางหนึ่ง ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าเหนด้วยเกล้าฯ ว่า เปนการถือผิด ๆ คือมีความหวังใจว่าชาติหนึ่งชาติใดจะมาข่มเหงกดขี่ด้วยกำลังอำนาจ แล้วเข้าครอบครองกรุงสยามด้วยความยุติธรรม คืออ้างว่าไทยไม่จัดการให้มีผลประโยชน์ จะเข้ามาจัดการให้เกิดความเจริญขึ้นแก่ไทย โดยไทยยังจะมีข้อเถียงตามยุติธรรมให้โลกเหนจริงแลสงสารได้ ว่าไทยได้จัดการบ้านเมืองบริบูรณขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่า จนมีราชทูตสำหรับประเทศยุโรป มีการก่อสร้างประกอบผลประโยชน์ เหมือนมีสายโทรเลขแลกรมไปรสนีย์เปนต้น แลได้เลิกทาษเลิกธรรมเนียมหมอบคลานเปนต้น แล้วเอาธรรมเนียมยุโรปเข้าเปนแบบแผนหลายอย่าง มีการแต่งตัวแลมีไซโซเอติรับรองอย่างยุโรปเปนต้น ทั้งได้มีสัญญาทางพระราชไมตรีแลทางค้าขายต่อชาติยุโรปเปนอันมากแล้ว การที่ชาติมีอำนาจมากดขี่ข่มเหงโดยทางพาลดังนี้ไม่ได้ ทำมดาบ้านเมืองค่อยเจริญค่อยไป จะให้กลับน่ามือเปนหลังมือในทันใดนั้นที่ไหนจะเปนได้ แลที่ไทยทำได้เพียงนี้ก็มีการคุ้มครองรักษาอยู่แล้ว แลท่านก่อนนั้นได้จัดแจงอย่างไรเล่า จึ่งรักษาบ้านเมืองมาได้จนปานนี้ ต่อไปก็คงจะพลิกแพลงแก้ไขให้จงได้เหมือนกัน

แต่ที่คิดดังนี้ ข้าพระพุทธเจ้าเหนด้วยเกล้าฯ ว่าเปนทางผิดอีกอย่างหนึ่ง ด้วยการปกครองที่อ้างขึ้นนั้น หาใช้ทางจัดแจงให้ดีขึ้นแก่พื้นรากของเราไม่ เปนแต่เพิ่มเติมขึ้นให้เข้าพวกยุโรปได้ ในเวลาจำเปน แต่การที่หยิบยกเอาของประเสริฐของยุโรปซึ่งเปนเครื่องอุดหนุนของความเจริญ ไปทำไปสร้างขึ้นในพื้นบ้านพื้นเมืองของเราของเหล่านี้ เปนต้นว่ากรมไปรสนีย์โทรเลข แลสกูลซึ่งเปนของประเสริฐจริง เมื่อไปตั้งอาไศรยอยู่ด้วยของอื่น ๆ ของเรา คือแบบแผนจัดการพื้นบ้านเมือง ซึ่งมีโครงแลรากอันไม่แน่นหนา ก็ต้องพากันเสียไปด้วยทั้งสิ้น เปนต้นว่าตราเครื่องพระราชอิศริยยศ

 

862 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

ซึ่งเปนของประเสริฐ ที่เหนว่ามีคุณในประเทศยุโรป เมื่อไทยได้จำลองเอาธรรมเนียมนี้ไป ก็ได้ไปใช้ให้ผิดทางแลความประสงค์ของยุโรปไป เพราะตรานั้นหาได้เปนเครื่องหมายของความดีความชอบ ฤๅเปนที่บำรุงใจให้ข้าราชการคิดตั้งหน้าหาดีประพฤติดีไม่ เปนเครื่องประดับสำหรับผู้มียศมีพาศนาเสียโดยมาก จึ่งเหนได้ว่าที่จะเถียงเอาทางยุติธรรมว่าการนี้เปนการได้จัดแจงบ้านเมืองให้ดี แลเปนทางป้องกันบ้านเมืองได้นั้นไม่ได้เลย การที่ตั้งราชทูตซึ่งเปนการประเสริฐจริงนี้ก็เหมือนกัน ถ้าการบ้านเมืองยังไม่เรียบร้อย ราชทูตก็ไม่มีประโยชน์ในการคุ้มครองรักษาได้เตมตามที่ควร เพราะราชทูตยังต้องอาไศรยประเพณีบ้านเมือง จึ่งมิอาจที่จะช่วยในการป้องกันได้เตมตามอย่างราชทูตในประเทศยุโรป ขนบธรรมเนียมซึ่งจำลองไปจากยุโรปมีการแต่งตัวแลยืนเฝ้าจะยกขึ้นพูดว่าเปนการเจริญไม่ได้ เพราะเปนการบำรุงตาเท่านั้น

5. อนึ่งที่ว่ากรุงสยามมีสัญญาทางพระราชไมตรีต่อประเทศนั้น ๆ จะเปนที่ป้องกันกีดขวางต่างประเทศเบียดเบียนได้ก็หาไม่ ประเทศจีนได้สัญญากับต่างประเทศทั้งหมดเหมือนกัน แลในสัญญาอเมริกันซึ่งมีข้อว่าอเมริกันจะช่วยตัดสินเกลี่ยไกล่เมื่อเวลาที่มีชาติใดมาข่มเหง ครั้นบัดนี้มีเข้าจริง อเมริกันก็มิได้ช่วย ฤๅสัญญากับประเทศทั้งปวงก็มิอาจคุ้มการกดขี่ได้

สัญญาที่มีกับต่างประเทศนั้นเปนเครื่องป้องกันการกดขี่ได้แต่ในครั้งแรกทำเท่านั้น เพราะถ้ากรุงสยามมิได้ยอมรับทำสัญญาให้ผลประโยชน์แก่ต่างประเทศเสียแต่เดิมแล้ว ก็คงจะเข้ารบพุ่งกดขี่ให้ทำจนได้ ถ้ามิทำก็คงต้องเสียบ้านเมือง

6. การค้าขายแลผลประโยชน์ของชาวยุโรป ซึ่งว่ามีในกรุงสยามจะเปนที่กีดขวางต่อประเทศยุโรปก็เหมือนกัน จะเปนที่กีดขวางได้ก็จริง แต่เมื่อต่างประเทศได้ผลประโยชน์เตมตามที่บ้านเมืองเจริญได้ด้วยความบำรุงรักษานั้นเรียบร้อยดีอย่างประเทศยุโรป จนถึงจะมีชาติยุโรปมาบำรุงก็ไม่เกินความดีความเรียบร้อยของเรานั้นไปได้

การค้าขายในเมืองจีน ซึ่งยุโรปได้ผลประโยชน์ทั่วกันนั้น มีมากกว่าในกรุงสยามโดยมากยังมิอาจที่จะคุ้มฤๅกีดกันประเทศฝรั่งเสศเบียดเบียนได้ เพราะฝรั่งเสศไปเบียดเบียนนั้นเพื่อด้วยความประสงค์จะให้ผลประโยชน์ของยุโรปประมูลยิ่งขึ้นทั่วกัน แลโดยรหว่างที่เกิดรบพุ่งกันขึ้น ผลประโยชน์สินค้าชาติหนึ่งชาติใดจะเสียไป ข้างที่อัปราไชยก็ต้องใช้ค่าสินค้าที่เสียไปนั้นด้วย

7. อีกข้อหนึ่งที่ว่าท่านแต่ก่อนทำไมจึ่งรักษาบ้านเมืองมาได้เล่านั้น ถ้าได้พิจารณาไปก็เหนได้ว่า แต่ก่อนนั้นการไปมาหากัน แลข่าวคราวกรุงสยามจะได้รู้ถึงประเทศยุโรปนั้นยากเพียงใดความติดต่อกรุงสยามกับประเทศยุโรปแต่ก่อนมีน้อย แลทำมดายุโรปก็ดี ประเทศใด ๆ ก็ดี ที่จะหาบ้านเมืองเข้าในใต้ปกครอง ก็ต้องหาขึ้นได้ทีละบ้านทีละเมือง แลในเวลาครั้งนั้นประเทศเอเชียซึ่งเปรียบเหมือนอาหารของประเทศยุโรปก็ยังมีเมืองมีชาติที่ไม่ผ่อนผันตามกาลตามเวลาอยู่หลายเมือง เพราะฉนั้นยุโรปยังหากินได้ในเมืองที่ไม่มีความเจริญกว่า ฤๅผ่อนตามกาลตามเวลาอย่างไทย เปนต้นว่าพม่า เมืองขึ้นของจีนแลแขกทั้งปวง จึ่งเหนได้ตรงว่า แต่ก่อนนั้นการรักษาบ้านเมืองของไทยก็ง่ายอยู่เอง ด้วยการเกี่ยวข้องของประเทศยุโรปยังไม่มีมาก ช่องที่เปนสาเหตุให้เกิดไภยอันตรายก็ยังไม่มี ทั้งยุโรปก็ยังไม่รู้กำลังอิทธิฤทธิ์ขนบธรรมเนียมของชาวสยาม เหมือนเขารู้ไส้รู้พุงเลอียดอย่างทุกวันนี้ไม่ จึ่งเปนทางรักษาง่ายดาย แต่บัดนี้ประเทศทั้งปวง ซึ่งเปนอาหารก็หมดไปแล้ว ถ้าไม่คิดแก้ไขแล้วน่าที่กรุงสยามจะต้องเปนไปตามประเทศนั้น ๆ เหมือนกัน

 

863 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

8. อีกประการหนึ่ง ซึ่งบางท่านยังหลงเชื่ออยู่ว่าเปนทางป้องกันของกรุงสยามได้ คือถือเอาตามอินเตอร์แนชะแนลลอ ซึ่งประเทศเอกราชทั้งปวงต้องย่อมได้รับความเคารพแลนับถือ แลสมควรที่จะรับไรต์ของกฎหมายทุกอย่าง

การที่ละเมอไปดังนี้ ด้วยลืมคิดไปว่ากฎหมายอินเตอร์แนชะแนลนั้นแต่งขึ้นไว้สำหรับประเทศซึ่งมีศิวิไลศ์ มีความคิดความเห็นผิดชอบดีชั่วทางเดียวกัน แลมียุติธรรมถือกฎหมายตัดสินถ้อยความ แลขนบธรรมเนียมก็คล้ายคลึงกัน จึ่งจะได้รับแลถือตามกฎหมายนั้นได้ แลถ้าได้ตริตรองเปรียบเทียบสิ่งซึ่งผิด ๆ กันในรหว่างประเทศยุโรปกับเอเชีย ในทางซึ่งว่ามาแล้วนี้ ก็คงจะเหนได้ว่าเปนการจำเปนที่ยุโรปจะยอมให้ประเทศในเอเชียมีไรต์ตามกฎหมายอินเตอร์แนชะแนลไม่ได้

แต่ยี่ปุ่นได้บำรุงความเจริญของบ้านเมืองตามทางศิวิไลศ์มาก็มาก ยังหาได้รับอนุญาตของยุโรปให้เข้าในพวกถือกฎหมายไม่ แลยี่ปุ่นนั้นแต่เดิมก็ได้คิดผิดไปในทางนี้เหมือนกันว่าควรจะถือแลได้รับไรต์ตามอินเตอร์แนชะแนลได้ มัวหลงอยู่จนเสียประโยชน์ไปมาก ที่คิดคอยวิงวอนขอตามนั้น แลได้เที่ยวขอแก้สัญญาในประเทศยุโรป แลขออำนาจตัดสินความวิวาทรหว่างสับเยกต่างประเทศในเมือง แลชาวยี่ปุ่นจนภายหลังรู้สึกตน จึ่งได้คิดจัดแจงการบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมแลกฎหมายที่ชั่วให้คล้ายคลึงกับของยุโรป บัดนี้จึ่งพูดได้โดยเตมกำลังว่าควรจะมีไรต์เสมอประเทศยุโรป แลยุโรปเดี๋ยวนี้ก็ตั้งใจจะยอมให้ แต่ยังรอให้ยี่ปุ่นทำกฎหมายให้สำเรจ แลฝึกสอนคนที่จะรักษากฎหมายนั้นได้แล้ว ยี่ปุ่นคงจะได้รับอินเตอร์แนชะแนลไรต์ในเรว ๆ นี้ ไม่ต้องสงไสยเลย แลไทยที่จะได้รับไรต์อันนี้นั้นได้ก็ต้องจัดแจงบำรุงการแผ่นดิน รักษาผลประโยชน์แลราษฎรในพระราชอาณาเขตรให้เจริญขึ้นตามสมัยกาล แลให้เปนที่เชื่อถือแก่ชาวยุโรปดังยี่ปุ่นได้จัดการมาแล้ว ชาวยุโรปทั้งปวงก็คงจะต้องยอมให้ไทยได้ผลประโยชน์เสมอชาติยี่ปุ่นนั้นบ้าง ความเจริญอันนี้จะเปนการป้องกันกรุงสยามได้ด้วย

เมื่อไภยอันตรายแลทางแก้ไขซึ่งใช้ไม่ได้ทั้ง 8 ทางได้ทราบในใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลพระกรุณาเพิ่มเติมที่จะได้ทรงพระราชวินิจฉัยโดยสุขุมต่อไป

การครอบครองของกรุงสยามอย่างเช่นมีอยู่ในปัตยุบันนี้ ใช่จะทำให้บ้านเมืองทำลายไปได้ฝ่ายเดียว เพราะสัตรูภายนอกจะเข้ารบเอาโดยอำนาจฤๅอุบายนั้นหามิได้ โดยที่สุดถ้าปราศจากสัตรูภายนอกแล้วก็ดี ทางปกครองอันนี้ก็ยังไม่เปนประเพณีของบ้านเมืองอันประเสริฐ ฤๅเปนที่ยึดมั่นได้ว่าจะถาวรอยู่เสมอแต่เพียงเท่านี้ต่อไป เพราะการครอบครองอันนี้อยู่ได้ อุปมาเหมือนอุบะที่แขวนไว้ด้วยเชือกเส้นเดียว พวงอุบะซึ่งอาไศรยเชือกอยู่นั้น ถ้ามีอันตรายเชือกขาดก็จะต้องตกถึงพื้น ถึงแก่ฟกช้ำ เปลี่ยนแปลงรูปพรรณไปได้ต่าง ๆ ฤๅบางทีทำลายยับเยินสิ้นทีเดียวฉันใด การปกครองทุกวันนี้ คิดด้วยเกล้าฯ เหนว่า ถ้าประดุจหนึ่งไม่มีพระองค์ในใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาททรงเปนพระราชธุระในเวลาใดแล้ว การบ้านเมืองทุกอย่างก็จะเปนที่ฟกช้ำระส่ำระสาย แลบางทีถึงจะให้เกิดจลาจลแก่บ้านเมืองได้ ผลประโยชน์การที่ซึ่งได้สร้างได้ทำขึ้นไว้ก็มีช่องที่จะอันตรายสูญไปได้เปนต้น การทั้งเลเคชั่น มีข้าทูลลอองธุลีพระบาทออกมาอยู่ในประเทศยุโรปเช่นนี้ เกรงด้วยเกล้าฯ ว่าจะเปนการเสียพระเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ได้ ด้วยการนี้เปนที่ใกล้ชิดพระองค์ แลสั่งจัดราชการอันใดอยู่ในกรมไปรเวตเสเกรตารีทั้งสิ้น แลทั้งการในกรมอื่น ๆ ก็เหมือนกัน ทุกวันนี้

 

864 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

ดูเปนทางที่ต้องอาไศรยกรมไปรเวตเสเกรตารีช่วยสั่งช่วยจัดอยู่มาก มีกรมท่าเปนต้น เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นดังที่ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณามาข้างต้น การในกรมทุก ๆ กรมก็จะเสียแลมิอาจที่จะทำไปได้ แลโดยอย่างที่สุดในเวลาที่เกิดจลาจลดังนี้ ก็ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะให้เปนที่มั่นหมายได้ ถึงการเกี่ยวข้องของชาติต่างประเทศที่จะเข้ามาช่วยดับความอันนั้น แล้วเลยปกครองเอาบ้านเมืองเสียด้วย ข้าพระพุทธเจ้าได้พิเคราะห์ดูในการเปลี่ยนแผ่นดิน แต่ครั้งพระราชพงษา-วดารฤๅในพระบรมราชวงษในปัตยุบันนี้ เหนด้วยเกล้าฯ ว่า ข้าทูลลอองธุลีพระบาททั้งปวงก็ภากันเปนที่คลอนแคลนหวั่นหวาดเพราะเหตุที่มีประเพณีอันไม่แน่นอน แลโดยอย่างที่สุดการเปลี่ยน-แปลงอันนั้นอาจทำให้พระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัว…(อักษรเลือน)...แลพระบรมวงษอันสนิทจะได้สืบสันตติวงษต่อไป

ถ้าใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาททรงพระราชดำริห์เหนไภยอันตราย ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ด้วยพระราชประเพณีเช่นสืบมานี้ ข้าพระพุทธเจ้ามีความหวังด้วยเกล้าฯ ว่าคงจะทรงพระราชดำริห์ถึงทางเปลี่ยนแปลงที่จะให้ถาวร แลให้เปนที่ปกครองรักษาความศุขความเจริญของข้าทูลลอองธุลีพระบาท ราษฎรแลบ้านเมือง

ข้าพระพุทธเจ้าต้องขอพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลพระกรุณาถึงทางแก้ไขที่จะให้พ้นไภยอันตรายภายนอก แลพ้นจากไภยที่จะเกิดขึ้นได้ในบ้านเมือง ด้วยพระราชประเพณีอันไม่แน่นอน เพื่อประสงค์จะมิให้เปนการที่คิดไม่ตลอด แลนำความนี้ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท

แลทางนี้ตามความเหนของข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง มีทางเดียวแต่ที่จะจัดการบำรุงรักษาตามทางยุโรปทั้งปวง ที่เขาเหนพร้อมลงทางเดียวกันว่า ไม่มีทางอื่นที่จะดีไปกว่าทางนี้ เพราะที่จะรักษาบ้านเมืองให้พ้นจากความกดขี่ ซึ่งเปนต้นเหตุของอันตรายนั้น ต้องทำให้เปนที่นับถือวางใจซึ่งกันแลกัน ที่เหนชั่วเหนดี เหนผิดเหนชอบทางเดียวกัน จึ่งนับว่าเปนผู้เหนทางชอบธรรมเสมอกันได้ แต่การบำรุงรักษาอย่างเช่นมีในกรุงสยามทุกวันนี้ เปนทางตรงผิดกันต่อทางยุโรป ปราศจากแบบแผนแลกฎหมายที่เรียกว่าคอนสติติวชั่น ซึ่งประกอบไปด้วยสติปัญญาแลกำลังของราษฎรเปนทางพร้อมเพรียงกันเปนประมาณ ซึ่งเขานับกันว่ามียุติธรรมทั่วถึงกัน จะทำการสิ่งใดก็สำเรจได้แน่จริง มีข่าวชั่วข่าวดีรู้ทั่วถึงกันตลอดเปนพยานกันเสมออยู่ แต่บัดนี้ชาวยุโรปพากันลงเนื้อเชื่อกันเปนอันมาก จนถึงมีกล่าวในหนังสือเรื่องราวผู้ซึ่งได้เข้ามาในกรุงสยาม หนังสือของคาลบวกเปนต้น แลลงพิมพ์ว่า การรักษากรุงสยามในทุกวันนี้ไม่มีเสนาบดีแลเจ้าพนักงานกรมใดเอาใจใส่ ในพนักงานน่าที่ของตน มีผู้บำรุงรักษาแลคิดการแผ่นดินอยู่ก็แต่ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทพระองค์เดียว กับผู้ที่ได้ช่วยในราชการเปนกำลังจริงก็แต่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นเทวะวงษ-วโรประการพระองค์เดียวเท่านั้น กิจราชการใหญ่น้อยก็สำเรจอยู่ที่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นเทวะวงษวโรประการทั้งสิ้น ถ้าจะมีกิจธุระสิ่งใดแล้วต้องไปเฝ้าพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นเทวะ-วงษวโรประการจึ่งจะได้ดังประสงค์ การเรื่องนี้ถ้าจะคิดไปโดยเลอียดแล้ว ก็ไปลงเค้าดังที่เขากล่าวจริงหมดทุกอย่าง ก็เมื่อการรักษาบ้านเมืองมีอยู่แต่ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทกับพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นเทวะวงษโรประการแต่สองพระองค์เท่านี้ จะมีชาติใดในประเทศยุโรปเชื่อถือว่ากรุงสยามจะมีความยุติธรรมแลบำรุงรักษาให้มีความเจริญแลเรียบร้อยไปได้ เพราะฉนั้นจึ่งต้องจำเปนที่จะ

 

865 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

ต้องจัดการบำรุงบ้านเมืองตามเช่นที่เขาเชื่อเขาถือทั่วกัน ว่าการบำรุงรักษาโดยทางที่จะให้ได้ยุติธรรมจะมีได้ก็ต้องอาไศรยความพร้อมเพรียง ผู้ที่เปนเสนาบดีก็เปนผู้แทนของราษฎร ซึ่งเลือกมาต่อ ๆ ขึ้นไปเปนชั้น ๆ ทั้งต้องรับผิดชอบทั่วกัน เหมือนอาไศรยปัญญาแลความคิดความยุติธรรมของคนมากด้วยกัน การซึ่งจะเปนที่เชื่อถือว่าเปนยุติธรรมจริงแน่แท้แลเจริญรุ่งเรืองได้ เหตุฉนี้จึ่งจะต้องจัดการบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงพระราชประเพณีของเก่าให้เปนประเพณีฤๅคอนสติติวชั่นใหม่ตามทางชาวยุโรป ฤๅให้ใกล้ทางยุโรปที่สุดที่จะเปนไปได้ เหมือนดังเมืองยี่ปุ่นซึ่งประเทศเดียวในตวันออกที่ได้เดินในทางยุโรปมาแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าต้องกราบบังคมทูลพระกรุณาให้เลอียดขึ้นอีกว่า ทางที่ข้าพระพุทธเจ้ากราบบังคมทูลพระกรุณาว่าเปนคอนสติติวชั่นยุโรปนั้น หาได้ประสงค์ที่จะให้มีปาลิเมนต์ในเวลานี้ไม่ แต่ทางนั้นคือ

1. ต้องเปลี่ยนแปลงประเพณีปัตยุบันนี้ ซึ่งพระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวต้องทรงพระราชวินิจฉัยราชการบ้านเมืองทุกสิ่งไปในพระองค์ ซึ่งมีประเพณีที่อังกฤษเรียกว่า (แอฟโสลุด-โมนาคี) ให้เปนประเพณีซึ่งเรียกว่า (คอนสติตูชาแนลโมนาคี) ซึ่งพระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวเปนมหาประธานของบ้านเมืองที่จะทรงพระราชวินิจฉัย มีพระบรมราชโองการเปนสิทธิขาดแก่ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ ดังเช่นสมเดจพระเจ้าแผ่นดินทุก ๆ พระองค์ในยุโรปที่มิต้องทรงราชการด้วยพระองค์เองทั่วไปทุกอย่าง

2. การป้องกันรักษาแลทำนุบำรุงบ้านเมืองทุกอย่างนั้นต้องให้อยู่ในความคิดความตัดสินของข้าราชการผู้ใหญ่ ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งขึ้นไว้ในที่เปนพวกคาบิเนต แลที่จะจัดการไปได้โดยพระบรมราชานุญาตก่อนทุกอย่าง ข้าราชการเหล่านี้เปนหัวน่าของกรม ฤๅดีปาดเมนต์ทุก ๆ กรม แลมีอำนาจตัดสินบังคับการรับผิดชอบในกรมนั้น ๆ ด้วยตนเอง ในการที่ได้ทำไปทุกอย่าง กรมเหล่านี้ต้องสามารถที่จะทำการภายในกรมได้เองดุจเครื่องจักร ที่พระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวมิต้องทรงเปนพระราชกังวลอีกต่อไป ต้องมีพระราชประเพณีแน่นอนที่จะสืบสันติวงษ ที่มิต้องให้พระสงฆ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเลือก เมื่อเวลาถึงแก่กาล แต่ให้รู้เปนแน่นอนทั่วกัน เพื่อในเวลาถึงคราวเปลี่ยนแผ่นดิน การบ้านเมืองก็จะไม่เปนที่ระส่ำระสาย แลเปนทางป้องกันเสนาบดีผู้หนึ่งผู้ใดที่จะคิดเอาอำนาจเข้าใส่ตัวเองได้ด้วย

3. ต้องปิดทางสินบนให้หมดทุกทางที่จะมีขึ้นได้ แลต้องให้ผู้ทำราชการได้ผลประโยชน์ตรง ๆ เงินเดือนให้ภอใช้ตามถานานุรูปจริง

4. ต้องให้มนุษยมีความศุขเสมอกัน แลถือกฎหมายอันเดียว แลในเรื่องเกบภาษีแลศักเลข ต้องให้ความยุติธรรมที่จะไม่เปนที่ลำเอียง ฤๅติเตียนได้ทั้งไทยแลฝรั่ง

5. ขนบธรรมเนียมแลกฎหมายแผ่นดินซึ่งเปนการที่ยุโรเปียนติเตียน แลจะเปนข้อกีดขวางความเจริญของบ้านเมืองแล้ว ฤๅที่ไม่เปนประโยชน์แท้ ถึงธรรมเนียมนี้จะมีมาแต่โบราณครั้งใด ๆ ก็ดี ต้องเปลี่ยนแปลงไปให้สมควรแก่การ

6. ข้าทูลลอองธุลีพระบาท แลราษฎรทั่วพระราชอาณาเขตร ต้องมีโสตในถ้อยคำแลความคิดความเหนของตนที่เปนประโยชน์แลมีอำนาจที่จะแสดงออกมาให้ปรากฏในท่ามกลางที่ประชุมก็ดี ฤๅในหนังสือพิมพ์ก็ดี แต่การใส่ถ้อยความที่ไม่เปนจริงนั้นจึ่งจะมีโทษานุโทษตามพระราชกำหนดกฎหมาย

 

866 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

7. ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยซึ่งมีตำแหน่ง ฤๅหาตำแหน่งมิได้ก็ดี ต้องเลือกเอาคนที่มีความรู้ ตั้งแต่หนังสือ เลข ภาษาไทยขึ้นไป 1 ต้องมีชื่อเสียงแลความประพฤติดีที่เปนหลักถาน 1แลมีอายุพ้น 20 ปีขึ้นไป 1 จึ่งจะเข้ารับราชการได้ แลคนที่ได้ทำชั่วจนถึงถอดจากยศถาศักดิด้วยความชั่ว แลผิดต่อกฎหมายแผ่นดินแล้วนั้น จะรับราชการต่อไปในกรมหนึ่งกรมใดอีกไม่ได้ เพื่อจะให้เปนความยุติธรรม แลได้คนที่สมควรรับราชการได้ตามขนบธรรมเนียมยุโรปให้ได้จริงทุกอย่าง

(ข้อที่ไล่หนังสือนี้ยังหาชัดเจนไม่ จะกราบบังคมทูลพระกรุณาในคราวหลัง)

ที่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาแล้วดังนี้ เปนความประสงค์ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้เรียกว่าจัดการบ้านเมืองตามแบบยุโรป ทั้ง 7 ข้อนั้น บางที่ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณามากไปบ้าง ฤๅน้อยไปบ้าง แต่การที่เปนใจความของจัดการตามแบบยุโรปนั้น มีรวมว่าเปลี่ยน-แปลงยกถอนธรรมเนียมเก่าแลกฎหมายเก่า เพิ่มเติมธรรมเนียมแลกฎหมายซึ่งเปนทางบำรุงความเจริญขึ้นใหม่ แลจัดการเหล่านี้ให้มีผลประโยชน์ทั่วไปในพระราชอาณาเขตร ให้ราษฎรมีความคิดรู้สึกตัว ว่าการกดขี่แลอยุติธรรมต่าง ๆ ไม่มีอีกต่อไปแล้ว จึ่งจะมีความรักบ้านรักเมือง จนเหนชัดว่ากรุงสยามนั้นเปนเมืองของราษฎร แลจะต้องช่วยบำรุงรักษาเพื่อได้ความศุข ความเจริญ ความยุติธรรมเปนโสตเสมอทั่วหน้ากันหมด แลเมื่อราษฎรมีความเชื่อถือมั่นแล้วว่าความศุขแลความยุติธรรมซึ่งราษฎรได้รับอยู่นั้นมากยิ่งกว่า ฤๅเพียงเสมอกับชาติใด ๆ ที่จะช่วยให้ราษฎรของกรุงสยามได้แล้ว ราษฎรทั้งปวงก็คงจะมีความรัก แลบังเกิดความประสงค์ที่จะเกื้อกูลสร้างทรัพยสมบัติ ทำมาหากินโดยทางชอบธรรม แลเมื่อถึงเวลาสัตรูฤๅไภยอันตรายจะมาถึงตนเข้าแล้วก็จะคิดช่วยป้องกัน ช่วยเจบร้อน แลเมื่อราษฎรมีความรักบ้านเมืองอย่างยิ่งดังนี้แล้ว ก็นับได้ว่าเปนทหารอันใหญ่ซึ่งจะป้องกันได้จริง ยิ่งกว่าที่จะคิดสะสมขึ้นเปนคราว ๆ เปนพวกหนึ่งต่างหากอีก

ชาวยุโรปได้แปลคำจัดแจงบ้านเมืองของเขา คือคอนสติติวชั่นว่าเปนเหมือนดังเครื่องจักรที่เมื่อเวลาติดไฟเข้าแล้วก็อาจสามารถที่จะเดินไปได้เอง ไม่ต้องไปช่วยหมุนจักรโน่นหมุนจักรนี้ ที่จะให้เดินสดวกขึ้นอีก การที่จะคิดจัดบ้านเมืองครั้งนี้ก็เหมือนกัน ต้องจัดให้เจ้าพนักงานหัวน่าของคณะนั้น ๆ ได้รับผิดชอบดีชั่วในกรมของตัวเองทุกอย่าง จึ่งจะเปนเครื่องจักรที่ไม่ต้องให้เปนที่ขุ่นเคืองในใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทในกิจการของกรมนั้น ๆ อีกต่อไป

ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าสามารถกราบบังคมทูลพระกรุณาเปนคำแรงจนถึงว่าทางที่จะจัดแจงรักษากรุงสยามได้จริงนั้นมีทางเดียวแต่ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณามาแล้วนั้น เพราะเหนด้วยเกล้าฯ ชัดว่า ประเทศทั้งปวงในยุโรปซึ่งมีความเจริญแลความแน่นอนว่าจะตั้งเปนเอกราชต่อไปได้นั้นได้ด้วยเหตุ 4 ประการดังนี้

1. ด้วยมีความนับถือซึ่งกันแลกัน เดินในทางศิวิไลศ์อันเดียวกัน เปนที่เชื่อที่ไว้ใจกันได้ว่าประเทศซึ่งมีความเหนดีเหนชั่วเสมอกัน

2. ด้วยมีความประสงค์อันพร้อมกันที่จะให้บ้านเมืองแลราษฎรมีความเจริญเปนศุข ปราศจากรบพุ่งในประเทศยุโรป จึ่งคิดหาทางช่วยซึ่งกันแลกัน ในเวลาเมื่อชาติหนึ่งชาติใดที่มีอำนาจมากเบียดเบียนชาติเล็กน้อย เพื่อประสงค์มิให้ชาติมีอำนาจนั้นได้อำนาจมากเกินไป การอันนี้คือที่เรียกว่าอำนาจชั่งกัน ฤาแบแลนศ์ออฟเพาเวอร์

3. ด้วยกฎหมายอินเตอร์แนชะแนล ซึ่งเปนประธานที่จะตัดสินความเข้าใจผิดชอบแล

 

867 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

การยุติธรรม ฤๅอยุติธรรมในรหว่างประเทศทั้งปวงในยุโรปซึ่งถือตามกฎหมายนั้น

4. ด้วยเหตุที่มีสินค้าไปค้าขายแลกเปลี่ยนซึ่งกันแลกัน แลมีคนในเมืองนี้ลงทุนรอนไปตั้งก่อสร้างทำการผลประโยชน์ในเมืองโน้น อาไศรยซึ่งกันแลกัน เหตุฉนั้นข้าพระพุทธเจ้าเหนด้วยเกล้าฯ เปนแน่ชัดว่ากรุงสยามจะรักษาป้องกันให้อยู่เปนเอกราชต่อไปในทางอื่นไม่ได้ นอกจากที่จะเดินตามทางให้มีเครื่องป้องกันทั้ง 3 ข้อ อย่างที่ประเทศน้อยใหญ่ในยุโรปทั้งปวงได้ถือว่าเปนทางป้องกันซึ่งกันแลกัน เพราะว่าอันตรายฤๅการใด ๆ ก็ดี อาจสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ด้วยชาติที่มีอำนาจทั้งสิ้น ไทยจึ่งต้องมีความอุสาหบากบั่นที่จะให้ได้เครื่องป้องกันของชาติที่มีอำนาจใหญ่นั้น ๆ ด้วยการประพฤติให้ดีตามทางของเขา เหมือนอย่างยี่ปุ่นได้ประพฤติตามอย่างเขา ก็จะได้รับอำนาจดังที่ได้กราบบังคมทูลมาแล้วนั้น ถ้าไทยได้เดินตามทางยี่ปุ่นแล้ว ยุโรปก็จะมีความนับถือไทยดังในข้อหนึ่ง แลให้เข้าเปนพวกถือกฎหมายอินเตอร์แนชะแนล ซึ่งเปนเครื่องป้องกันของประเทศทั้งปวงอันจริงแท้ เอกราชของไทยก็จะเปนที่แน่นอนต่อไปชั่วกาลนาน แต่ในข้อ 2 ที่ว่าถึงอำนาจที่ชั่งกัน (แบแลนศ์ออฟเพาเวอร์) นั้น เปนของที่นับกันแต่ในประเทศยุโรป ซึ่งมีชาติต่าง ๆ ริษยาซึ่งกันแลกันอยู่ แต่ในประเทศเอเชียหาได้มีชาติใด ๆ ที่มีความอิจฉาซึ่งกันแลกัน เพราะประเทศที่หาอำนาจในเอเชีย เขาได้เอาอำนาจนั้นมาเปนที่ให้เดือดร้อนต่อยุโรปไม่ มีแต่จะให้ผลประโยชน์ต่อชาติยุโรปทั่วกันดังนี้ เหตุฉนั้นเครื่องซึ่งจะคิดกันไภยอันตราย ซึ่งจะมาเบียดเบียนประเทศเอเชีย มีอยู่แต่ 3 สิ่งตามที่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาแล้วในข้อ 1 แลข้อ 3 ข้อ 4 เท่านั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึ่งมีประสงค์เปนล้นเกล้าฯ ที่จะเดินทางให้มีเครื่องป้องกันอย่างเช่นประเทศยุโรป จึ่งได้กราบบังคมทูลพระกรุณาตามความคิดเหน เพื่อได้รับแลถือตามกฎหมายอินเตอร์แนชะแนล ตามความนับถือไว้ใจของประเทศยุโรป ซึ่งจะเปนหมู่ที่เรียกว่าอยู่ในแฟมิลีอันเดียวกัน

อนึ่งการป้องกันอันตรายซึ่งจะคุ้มการกดขี่ของประเทศยุโรปต่าง ๆ นั้น ยังมีเปนข้อสำคัญซึ่งควรจะกราบบังคมทูลพระกรุณาอีกข้อ 1

คือการบำรุงผลประโยชน์ของยุโรปในการสินค้าให้มีทุนรอนของเขาออกไปในการก่อสร้างฤๅประโยชน์สิ่งหนึ่งสิ่งใดในแผ่นดินสยาม ซึ่งเขาเหนว่าควรจะสร้างทำขึ้นเพื่อเปนทางทำมาหากินของเขา คอเวอนเมนต์สยามควรต้องอุดหนุนโดยเตมกำลังเพื่อจะได้เปนประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แลเมื่อชาวยุโรปได้ลงทุนรอนไว้มาก ถ้าจะมีชาติใดชาติหนึ่งมาพาลข่มเหง ชาติทั้งปวงซึ่งมีประโยชน์ก็จะช่วยห้ามปราม

แต่การที่จะบำรุงผลประโยชน์ของชาวยุโรปให้มีทุนรอนได้เสียในกรุงสยามมากขึ้นนั้น ถ้าคิดโดยทางเผิน ๆ ก็เหนจริงว่าเปนทางป้องกันได้ตามทางที่กราบบังคมทูลพระกรุณา แต่ประเทศใดยังไม่มีความปกครองเรียบร้อยตามทางศิวิไลศ์ ถ้ายิ่งบำรุงให้ชาวยุโรปไปทำมาหากินลงทุนรอนในประเทศนั้นมากขึ้น ก็เหมือนเปนการก่อช่องที่จะให้เกิดทะเลาะวิวาทกัน จับสาเหตุต่าง ๆ ที่จะคิดพาลได้ง่าย เหตุฉนั้นผลประโยชน์ของชาวยุโรปที่ควรจะเปนการคุ้มเกรงรักษาของประเทศนั้นได้จึ่งกลายเปนช่องที่จะกลับให้เกิดอันตรายขึ้นได้เหมือนกัน มีตัวอย่างคืออินเดีย จีน พม่าเปนต้น ซึ่งยังไม่มีการปกครองรักษาตามทางศิวิไลศ์เปนหลักถานในบ้านเมือง ผลประโยชน์ของชาวยุโรปก็ไม่สามารถคุ้มกันอันตรายได้ ด้วยไม่มีคอเวอนเมนต์ที่จะรักษาความเบียดเบียน ซึ่งจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองทำให้ประโยชน์ของเขาเสียไป

 

868 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

ถ้าบ้านเมืองใด ๆ เมื่อมีคอเวอนเมนต์แลกำหนดกฎหมายความยุติธรรมอันแน่นอน ผลประโยชน์ของชาวยุโรปซึ่งได้บำรุงนั้นก็เปนการช่วยป้องกันขึ้นอีก แลไม่ต้องวิตกในการพาลของชาติยุโรปที่มีผลประโยชน์อยู่ในบ้านเมือง ทั้งอำนาจก็จะไม่ต้องลดถอยลงด้วยจะต้องอ่อนน้อมยอมตามชาติยุโรป ช่องที่จะทะเลาะวิวาทแลจับสาเหตุพาลกดขี่ ฤๅคิดเอาเปรียบก็น้อยลง เพราะยุติธรรมของบ้านเมืองแลผลประโยชน์ที่เมืองนั้นให้ชาวยุโรปก็มีอยู่ เปนที่ป้องกันมากกว่ายุติธรรมที่ชาวยุโรปจะยกขึ้นกดขี่เอาบ้านเมือง เหตุฉนี้ถ้าเมืองใด ๆ มีคอเวอนเมนต์ความปกครองรักษายุติธรรมดีอยู่แล้ว ผลประโยชน์ของชาวยุโรปที่จะประมูลขึ้นก็เปนทางรักษาเอกราชของเมืองนั้น ๆ มียี่ปุ่นแลประเทศทั้งปวงในยุโรปเปนต้น แลถ้าไทยได้จัดบ้านเมืองบำรุงการรักษาตามแบบยุโรปมั่นคง ทางที่จะประมูลผลประโยชน์ของประเทศยุโรปให้มีทรัพย์สินทุนรอนของเขาอยู่ในบ้านเมืองเพื่อรักษาเอกราชของกรุงสยามให้แน่นอนขึ้น สิ่งที่ประเสริฐนั้นมีทางที่ให้ต่างประเทศทำรถไฟ มีกำปนีเดินเรือขุดคลองทำสนนเปนต้น เพราะทางเหล่านี้จะเปนประโยชน์ได้แก่บ้านเมืองมาก ผู้ลงทุนก็ได้แต่ดอกเบี้ย ผู้จัดแจงสร้างแลรักษาก็ได้แต่กำไรที่คิดค่าบรรทุกแลเดินทาง แต่ราษฎรจะได้ผลประโยชน์ในทางสินค้า บ้านเมืองก็จะเจริญขึ้นเสมอ

ข้าพระพุทธเจ้าต้องกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอพระบารมีปกเกล้าฯ ได้ทรงพระราช-ดำริห์ที่จะบำรุงผลประโยชน์ของยุโรปเพื่อให้เปนทางป้องกันขึ้นอีก แต่การนี้จะทำขึ้นได้ก็แต่เมื่อจะได้ทรงพระราชวินิจฉัยที่จะจัดการเปลี่ยนแปลงพระราชประเพณีบำรุงรักษาตามทางยุโรป ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้กราบบังคมทูลพระกรุณามาแล้ว จึ่งจะไม่มีที่เสียได้

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงได้กราบบังคมทูลพระกรุณาถึงการแก้ไขซึ่งเหนด้วยเกล้าฯ ว่ามีทางอันเดียวที่จะป้องกันรักษากรุงสยามให้เจริญเปนเอกราชต่อไป แลได้ปรูฟของทางนี้แล้ว เพราะฉนั้นจึ่งจำเปนให้ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงต้องกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ทางแก้ไขซึ่งได้คิดรวบรวมขึ้นนี้ หาได้คิดส่วนข้างได้แต่ทางเดียวไม่ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงได้ตริตรองโดยเลอียดในการขัดข้องซึ่งจะเกิดขึ้น แลกีดขวางมิให้ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาททรงพระราชดำริห์แลประพฤติไปได้โดยสดวกด้วยแล้ว แต่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงยังเปนที่มั่นใจอยู่ว่า การทั้งปวงถ้าจะทรงพระราชดำริห์จัดไปให้เปนอย่างอุกฤษฐจริงแล้ว ก็ไม่เหนสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะกีดขวางในการนั้น ๆ เลย ทางซึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้ตริตรองนั้น มีเปนข้อความดังจะกราบบังคมทูลพระกรุณาต่อไปนี้

1. การที่จะเปลี่ยนแปลงพระราชกำหนดกฎหมายสิ่งหนึ่งสิ่งใดเปนพระราชประเพณีแต่เดิมมาต้องเปนการเหนพร้อมด้วยเสนาบดีผู้ใหญ่จึ่งจะทำการไปได้ ก็เปนความถูกต้องสมควร การครั้งนี้ก็เปนการใหญ่อันสำคัญไม่ต้องสงไสยเลย คงจะต้องปฤกษากับเสนาบดีให้เหนพร้อมกันก่อน จึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปได้ แต่การที่จะเปลี่ยนแปลงนี้เปนการที่ตัดผลประโยชน์ของเสนาบดีที่เคยได้ในทางตรงบ้างก็มี ทางลับบ้างก็มี ก็ควรจะต้องทรงพระปริวิตกว่าเสนาบดีจะไม่ยอมพร้อมกันตามกระแสพระราชดำริห์ ก็เมื่อการนั้นไม่เปนการเตมใจพร้อมด้วยแล้ว การที่จะไปจัดไปทำไป เสนาบดีไม่ตั้งใจสนองพระเดชพระคุณโดยเตมกำลัง ก็จะผันแปรไปไม่ได้จริง เพราะจะไปขัดที่โน่นที่นี่บ้าง จะไม่ตลอดไปได้ ข้อนี้ก็เปนความขัดข้องอย่างหนึ่ง

ในความข้อนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงเหนด้วยเกล้าฯ ว่า ข้อใจความในชั้นต้น ถ้าจะพิเคราะห์ให้เลอียดแล้ว จำเปนจะต้องกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงพระราชดำริห์ การที่ควร

 

869 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

ไม่ควรให้เปนสำคัญแห่งต้นเหตุความทั้งปวงก่อน คือสรรพสิ่งทั้งปวงซึ่งจะบำรุงความศุขความเจริญแห่งข้าทูลลอองธุลีพระบาทแลราษฎรทั่วพระราชอาณาจักรนั้น เปนของอยู่ในใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาททั้งสิ้นพระองค์เดียว เพราะใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทเปนผู้ทรงรับผิดรับชอบในการเสียการได้ทั้งปวงเสมอดังกรุงอังกฤษ ฤๅอเมริกา ซึ่งอำนาจแลความผิดชอบอยู่ในเนื้อมือราษฎรทั้งสิ้น แลถึงการที่จะจัดแจงเปลี่ยนแปลงสิ่งหนึ่งสิ่งใด ถ้ามีพระราชประสงค์จะให้เปนไปอย่างใด ก็อาจสำเรจได้โดยพระบรมราชโองการทุกประการ ไม่มีที่กีดขวางเหมือนดังในประเทศยุโรป ซึ่งมีปาลิ-เอเมนต์ มีพวกมินิสเตอร์ แลพวกที่มีความเหนตรงกันข้ามคอยขัดขืนอยู่ แต่ราชการกรุงสยามในทุกวันนี้ ที่ขัดอยู่ด้วยเสนาบดีไม่ตั้งใจฉลองพระเดชพระคุณโดยเตมกำลังนั้น ไม่เปนด้วยเหตุอื่นไกลเปนด้วยทรงพระมหากรุณาแก่ท่านเสนาบดีมากเกินไป จนให้ท่านเสนาบดีเหนไปว่าใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาททรงเกรงใจ จึ่งได้คิดบิดเบือนไปต่าง ๆ ไม่ใคร่จะตั้งใจทำราชการฉลองพระเดชพระคุณจนสุดปัญญาแลกำลัง แต่เมื่อทรงพระราชดำริห์ให้เปนความอันศุขุมแล้ว ก็จะทรงพระราชดำริห์เหนได้ว่า สรรพสิ่งอันใดซึ่งจะรวม ๆ ทิ้งไว้ปล่อยไปตามความอลุ้มอล่วยจนกรุงสยามเสียไปด้วยเหตุใด ๆ ก็ดี ฤๅสรรพสิ่งอันใดซึ่งจะเปลี่ยนแปลงเพื่อทำนุบำรุงกรุงสยามให้เจริญยั่งยืนไปก็ดี สิ่งทั้งปวงเหล่านี้ ท่านเสนาบดีทั้งปวงหาได้เปนผู้รับผิดชอบด้วยไม่ คงตกอยู่ในใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาททั้งสิ้น ถ้าตั้งพระราชหฤไทยในราชกิจโดยทางอันกวดขันแขงแรง ไม่ละเว้นเหนแก่หน้าผู้ใหญ่ผู้น้อยแล้ว การขัดขวางอันนี้จะมีมาแต่ไหน ก็คงจะไม่มีอีกต่อไปได้เปนอันแน่

2. ความขัดขวางในข้อต้น ถ้าปลงพระราชหฤไทยถือมั่นจัดการไปตามผิดตามชอบแล้วท่านเสนาบดีก็คงต้องทำตามพระบรมราชประสงค์ ให้ราชการสำเรจได้ทุกประการ แต่ควรจะต้องวิตกอีกอย่างหนึ่งว่า ท่านเสนาบดีที่รับราชการอยู่ทุกวันนี้ ที่ได้เปนเพราะความชอบความดีที่ตัวรับราชการฉลองพระเดชพระคุณก็มี ได้เปนเพราะตามเหล่าตามตระกูลก็มี ที่มีอำนาจแลผลประโยชน์ในราชการมากน้อยก็มีไม่เสมอกัน ท่านเหล่านี้น้ำใจก็คงจะไม่เสมอกันหมดด้วย ฝ่ายพวกที่ให้เปนด้วยความดีนั้น คงจะเกรงกลัวพระราชอาญา ถึงโดยราชการที่จะเปลี่ยนแปลงแลจัดไปจะเปนการตัดผลประโยชน์ฤๅอำนาจของตัวด้วยอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ก็จะไม่อาจป้องกันแลหน่วงเหนี่ยวขัดขวางให้เสียราชการไปได้ คงจะตั้งใจทำราชการฉลองพระเดชพระคุณจนสุดกำลังแลปัญญาทุกอย่าง เพื่อจะได้อุดหนุนความดีของตัวที่จะทำราชการต่อไปในภายน่า ฤๅคิดอีกอย่างหนึ่งเพราะมีความจงรักภักดีแลสัตยซื่อกตัญญู เชื่อถือพระบารมีปกเกล้าฯ อยู่เปนประมาณ พอเอาเปนที่วางใจได้ แต่ฝ่ายพวกที่ได้เปนเพราะมีตระกูลสืบอุดหนุนมาช่วยประกอบกับความดี ที่ตัวได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณจนมีอำนาจใหญ่ รวบรวมราชการแลผลประโยชน์ไว้ในใต้อำนาจมากนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงมิสู้วางใจเลย เพราะจะถือตัวว่าได้ยศบันดาศักดิ์ ด้วยมีตระกูลสืบต่อมา ฤๅได้ด้วยอำนาจปู่แลบิดาอุดหนุนมา จะหาสู้จงรักภักดีต่อใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทเหมือนผู้ซึ่งได้รับราชการมีความดีด้วยผลแห่งราชการไม่ ถ้าเหนกระแสพระราชดำริห์ ฤๅทรงจัดพระนครไปตามกาลที่ถูกที่ควร แต่ว่าการนั้นเปนความตัดผลประโยชน์ตัดอำนาจที่เคยได้เคยมีอยู่แล้ว โดยทางที่มิชอบธรรม ก็จะเปนความเดือดร้อนเสียอกเสียใจมากเปนที่สุด แลการที่ตัดอำนาจแลผลประโยชน์นี้ อาจเปนเครื่องชักนำทำให้น้ำใจแตก ฤๅวิตกเหนไปว่าจะไม่ทรงพระกรุณาชุบเกล้าฯ เลี้ยงตามเหล่าตระกูลแล้วจะสิ้นวาศนาบันดาศักดิ์หมดตระกูลไป ก็จะละความสัตยซื่อกตัญญูเสีย จะไป

 

870 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

ทำเหตุเปนทางประทุษฐร้าย คิดส่งเสียอุดหนุนยกผู้หนึ่งผู้ใดขึ้นเอาเปนโลห์เปนดั้ง ทำเหตุจลาจลขึ้นก็ดี ฤๅโดยที่สุดอย่างต่ำจะไม่คิดถึงการประทุษฐร้าย แต่จะอุบายให้มีเหตุขึ้นภอให้เปนต้นเหตุซึ่งจะยกขึ้นขัดขวางแห่งการที่ทรงพระราชดำริห์เปลี่ยนแปลงไปก็ได้ ความเหล่านี้เปนความสำคัญใหญ่ อาจสามารถจะห้ามกระแสพระราชดำริห์ทั้งปวงให้หยุดได้จริง เพราะถ้าจะไม่รงับเหตุการณ์ให้สงบลงในทันใด ก็จะเกิดเปนช่องให้ชาวต่างประเทศพลอยสอดมือเข้ารวบรัดเอากรุงสยามด้วยเหตุจลาจลอันนั้น จะเปนทางให้ชาวต่างประเทศเข้าเกี่ยวข้องมีทาง ที่จะเรียกเรือรบเข้าไปรักษาผลประโยชน์ของตัว แล้วก็จะกลับเลยเปนเหตุใหญ่โตไปได้ ถึงจะไม่ถึงกับเสียบ้านเสียเมือง ก็คงจะมีอำนาจมากขึ้นในกรุงสยาม ทำให้เสียบ้านเสียเมืองด้วยเหตุอื่น ๆ ง่ายเข้าด้วย

ข้อขัดขวางอันนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงเหนด้วยเกล้าฯ ว่าเปนข้อสำคัญอย่างยิ่ง เพราะว่าทางที่จะแก้ไขให้หมดสิ้นเปนที่เชื่อมั่นใจได้ก็มีแต่กำลังอย่างเดียว ถ้าใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทไม่วางพระราชหฤไทยในกำลังทหาร แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทซึ่งทรงวางพระราชหฤไทยในราชการทั้งปวง ซึ่งมีอยู่ว่าจะต่อสู้แลกับการจลาจลอันนี้ได้แล้ว ทางแก้ไขซึ่งจะให้การเปลี่ยนแปลงนี้เปนไปได้ก็มีอยู่ทางเดียว แต่ที่จะหากำลังอำนาจซึ่งจะให้เปนที่วางพระราชหฤไทยได้นั้นทวียิ่งขึ้น

ซึ่งจะหากำลังให้ต่อสู้ แลดับไภยอันตรายในกรุงที่จะเกิดขึ้นทางนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงต้องกลับลงเหนด้วยเกล้าฯ ว่าจะต้องคิดจัดทหารรีบรัดการฝึกหัดโดยกวดขัน ให้ชื่อว่าใช้ได้เปนกำลังที่จะวางพระราชหฤไทยในการที่จะป้องกันไภยผ่านไปได้จริงก่อน แล้วจึ่งเปลี่ยนแปลงพระราชประเพณีต่อไปภายหลัง แต่การที่จะจัดการทหารในชั้นต้นดังนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงต้องกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าเปนการลำบากแลมีช่องที่จะไม่สำเรจได้หลายอย่างหลายประการนัก แลดูเหมือนหนึ่งที่ไปจัดการทำข้างปลายก่อนต้น การนั้นจึ่งจำเปนจะต้องเปนการลำบากอย่างยิ่ง เพราะเปนการฝืนประเพณีก่อนเกิดของการทั้งปวงที่จะเจริญถาวรขึ้นได้ แต่การที่จะจัดทหารนี้ ถ้าจะว่าโดยเลอียดแล้ว มิใช่จะเปนการปราศจากความห้ามหวงโกรธเคืองฤๅหวาดหวั่นของพวกท่านซึ่งเคยมีอำนาจบังคับผู้คนในกรมที่ขึ้นอยู่นั้นก็หาไม่ แต่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงเหนด้วยเกล้าฯ ว่าการนี้ก็เปนการทรงพระราชดำริห์มาแต่ก่อนแล้ว คงจะไม่เปนเหตุให้เปนที่สทกสท้านหวาดเสียวแก่ท่านผู้ใดมากไป แต่การซึ่งจะจัดนี้ต้องอาไศรยวิธีที่จะรวบรวมทหารเข้าให้มีกำลังขึ้นมาก แต่อย่าให้เปนที่เดือดร้อนแลหวาดหวั่นของเจ้าหมู่นายกรม แลต้องอาไศรยผู้หัวน่าที่จะบังคับการเปนสำคัญอย่างหนึ่ง ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาททรงพระกรุณาอุดหนุนด้วยอย่างหนึ่ง การอันนี้จึ่งจะสำเรจเรวได้ เพราะว่าการอะไรทั้งปวงไม่ว่าสิ่งอันใดต้องเปนได้ตลอดได้ ด้วยอาไศรยใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทจะตั้งพระราชหฤไทยที่จะทรงพระประพฤติการให้ได้โดยจริงอย่างอุกฤษฐเท่านั้น ถ้าไม่ตั้งพระราชหฤไทยให้เสมอไป การนั้นก็อาจอ่อนคลายลงในปลายมือ เช่นทำมดาของราชการทั้งปวง ซึ่งข้าพระพุทธเจ้ากราบบังคมทูลพระกรุณามาทั้งนี้ พระราชอาญาไม่พ้นเกล้าฯ ข้าพระพุทธเจ้ามีพยานที่จะกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงพระราชดำริห์เหนได้ เหมือนการที่ทรงปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนสาสดารามเมื่อเรว ๆ นี้เปนต้น การนี้มิใช่พระบาทสมเดจพระเจ้าแผ่นดินแต่ก่อน ๆ จะไม่ทรงพระราชดำริห์แลมีพระราชประสงค์ให้การนั้นสำเรจแล้วไปก็หาไม่ มีพระราช-ประสงค์ทั่วกันทุก ๆ พระองค์ แต่หาได้ทรงตั้งพระราชหฤไทยมุ่งหมายในการนั้นให้เปนความอันอุกฤษฐ การอันนี้จึ่งหาสำเรจลงได้ไม่ มาถึงในใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ทรงตั้งพระราชหฤไทยอัน

 

871 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

อุกฤษฐจริงจนถึงทรงตั้งสัตยาธิฐานที่จะปฏิสังขรณ์ให้สำเรจจงได้แล้ว การนั้นก็ไม่ช้าเลยสำเรจได้โดยพลัน สมดังพระราชประสงค์แลเหนได้ฉนี้ แม้ถึงการที่จะเปลี่ยนแปลงพระราชกำหนดกฎหมาย แลพระราชประเพณีตามสมัยตามกาล ที่จำเปนควรต้องเปลี่ยนแปลงนี้ก็ดี ถ้าทรงพระ-ราชดำริห์มุ่งหมายการอย่างเช่นปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนสาสดารามฉนี้แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงไม่เหนเลยว่าการจะไม่สำเรจดังพระราชประสงค์นั้นไม่มีเปนแน่ คงจะสำเรจโดยพลันโดยเรวได้เหมือนกัน แต่การที่จะเปลี่ยนแปลงพระราชประเพณีนั้นเปนการใหญ่การสำคัญอย่างยิ่ง เปนความจำเปนต้องควรหวาดหวั่นในไภยอันตรายให้มาก แลถ้าใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทยังเปนที่วางพระราชหฤไทยมิได้ ในกำลังของความป้องกันซึ่งยังไม่มีสิ่งใดเปนแน่ การนี้จึ่งจะเปนไปโดยเรวพลันยังไม่ได้ ก็ควรงดไว้จนกว่าการที่จะจัดทหารขึ้นให้ได้จริงนี้ เปนที่มั่นในพระราชหฤไทยในกำลังที่จะป้องกันไภยอันตรายในพระนคร แลการที่จะจัดทหารขึ้นนี้ ไม่ได้เปนการที่จะทำให้มีไภยอันตรายสิ่งใดเลย ควรจะต้องทรงพระราชดำริห์ให้เปนการอันอุกฤษฐ ดังเช่นข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงกราบบังคมทูลมาแต่ต้นแล้ว การอันนี้ก็คงจะสำเรจได้ดังพระบรมราชประสงค์ ไม่มีสิ่งที่ขีดขวางเปนอันแน่

ในชั้นต้นเพื่อให้เปนที่วางพระราชหฤไทยได้จัดการเปลี่ยนแปลงพระราชประเพณีในภายหลังนั้น ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงเหนด้วยเกล้าฯ ว่า ควรต้องปิดความที่จะเปลี่ยนพระราชประเพณีนั้นให้เงียบไว้ก่อน อย่าให้ผู้ใดทราบ เพราะจะเปนช่องแห่งความขัดขวางคนที่ไม่เหนชอบ จะทำให้การลำบากมากไป แต่ก็ซึ่งรวบรวมคน โยกย้ายเอาคนมาแต่กรมต่าง ๆ ยกรากมาเปนกรมหนึ่งดังเช่นจัดกันมาแต่ก่อนนั้น เปนที่ได้เจ้าหมู่นายหมวดคิดปิดบัง เพราะจะรักษาผลประโยชน์ตนฤๅอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังที่คิดขัดขวางอยู่ทุกวันนี้ ก็จะไม่ได้คนมาโดยทันเวลา จึ่งเหนด้วยเกล้าฯ ว่า กรมต่าง ๆ ที่เปนทหารมาแต่โบราณ เปนต้นว่ากรมอาสาทั้งปวงนั้น อันที่จริงแต่เดิมก็เปนทหารทั้งสิ้น ถ้าจะทรงจัดโดยจริง รวบรวมเอาไพร่หลวงกรมอาสาต่าง ๆ หมดทุกกรมตามหมู่ทหารเอามาฝึกหัดยกขึ้นเปนทหารให้ได้จริงตามธรรมดาทหาร ซึ่งจำเปนต้องให้รู้เพลงอาวุธแลวิธีรบพุ่งด้วยแล้ว ก็จะเปนการจัดพระราชประเพณีเดิมให้มั่นคงแขงแรงขึ้น ทั้งจะได้เปนที่ไว้วางพระราช-หฤไทยได้จริง ช่วยป้องกันอันตรายทั้งปวงด้วย แต่การที่ละเลยทิ้งไว้ เอาคนมาช่วยเดือนทำการเช่นประเพณีเดิม เวลาซึ่งไม่มีทัพศึก การศึกทุกวันนี้ก็ผิดกว่าแต่ก่อนมาก เวลามีเหตุการณ์จะอาไศรยก็ไม่ได้จริง เรียกคนก็ไม่ได้ กลับทำให้เปนการเสียพระราชกำหนดเดิมไปทั้งสิ้น จึ่งเหนด้วยเกล้าฯ ว่า ควรเอาคนพวกนี้มาฝึกหัดจัดการให้ได้จริงตามสมัยกาลอันเขารบพุ่ง ที่เปลี่ยนวิธีผิดกว่าธรรมเนียมเดิมจึ่งจะสมควร

แต่การที่ฝึกหัดนั้นจะแยกย้ายไปหลายหมู่หลายเหล่าไม่ได้ การจะไม่เรียบแลสำเรจได้จริงต้องรับพระราชทานให้รวมกันเปนหมู่เดียว มีผู้ที่วางพระราชหฤไทยผู้หนึ่งให้เปนผู้บังคับการทุก ๆ กรมทั่วไป แลจะต้องใช้คนยุโรเปียนช่วยอุดหนุนให้มากด้วย ต้องหาเอาคนดี ๆ แลต้องยอมให้มียศบันดาศักดิ์ ตั้งแต่สับลุคเตอแนนต์ขึ้นไป ถึงโคโลแนลด้วย แยกย้ายเจือจานไปช่วยรักษากฎหมายแลธรรมเนียม การจึ่งจะเปนจริงตลอดไปได้ อนึ่งหมู่ทหารนั้น ก็ให้คงอยู่ตามหมู่เดิม ให้เจ้าหมู่นายหมวดเดิมควบคุมกันต่อ ๆ ขึ้นไป จนตลอดถึงเจ้ากรมปลัดกรม ๆ ให้มีตำแหน่งยศเปนทหารรับผิดชอบตามกรมของตัวด้วย ขุนนางในตำแหน่งกรมอาสาทั้งปวงนี้ให้ได้เลื่อนยศเปนขึ้นมา

 

872 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

จากทหารเอง อย่าให้มีคนที่ไม่ใช่ทหารได้เปนปะปนวุ่นวายให้เสียความอุสาหของทหาร ถ้าจัดการได้ดังนี้แล้ว เหนด้วยเกล้าฯ ว่าจะไม่เปนความหวาดหวั่นให้เจ้าหมู่นายหมวดคิดหวงหันผู้คนไว้ การนั้นก็จะสำเรจได้จริงโดยง่าย เพราะไม่ได้ทำช่องให้เจ้าหมู่นายหมวดแบ่งซ่อนกันผู้คนไว้เปนกำลังแต่ตัวต่อไปได้อีก

แต่การที่จะจัดทหารอย่างนี้ มีข้อความที่จะต้องคิดแลตั้งขึ้นหลายอย่าง เพื่อจะให้การนี้สำเรจได้ตลอดไป จะกราบบังคมทูลพระกรุณามาในนี้โดยเลอียดก็เปนความยืดยาวนัก ประการหนึ่งก็มิใช่เปนการที่จะเกี่ยวข้องแก้ไขในความข้อนี้ด้วย จึ่งเหนด้วยเกล้าฯ ว่ายังหาควรที่จะกราบบังคมทูลพระกรุณาติดต่อไปในนี้ไม่ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าได้รับพระกระแสพระราชดำริห์ประการใด ควรกราบบังคมทูลพระกรุณาต่อไปในภายหลังอีกแล้ว จึ่งจะได้เรียบเรียงทูลเกล้าฯ ถวายต่อไป

3. ความวิตกข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง นอกจากข้อ 2 ที่กราบบังคมทูลพระกรุณามาแล้วยังมีข้อความควรจะต้องวิตกอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเปนความเจือเนื่องติดต่อมาแต่เหตุในข้อ 2 ในความที่ขัดขวางอันเดียวกันคือพวกที่มีความเสียอกเสียใจในการที่จะขาดประโยชน์ไป ถ้าจะไม่ทำเหตุใหญ่โตถึงจลาจล ซึ่งเปนการใหญ่เหลือเกินที่จะคิดที่จะทำได้นั้นแล้ว จะไปทำเหตุอีกอย่างหนึ่งที่จะเข้าหาอำนาจชาวต่างประเทศให้ช่วยปกครองป้องกัน ฤๅบางทีจะเอาบ้านเมืองไปมอบหมายกำนัลอย่างหนึ่งอย่างใดให้เปนเหตุขึ้น ความข้อนี้น่ากลัวจะมีเปนได้ง่ายกว่าข้อ 2 มาก ความเหตุที่เคยได้เปนมาแล้ว เพราะฉนั้นจึ่งเปนช่องเปนหนทางที่จะให้มีผู้ประพฤติตามอยู่ เพื่อจะป้องกันอันตรายแลผลประโยชน์ของตัว ฤๅเพื่อจะห้ามกระแสพระราชดำริห์มิให้สดวกตลอดไป

ความข้อนี้ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงเหนด้วยเกล้าฯ ว่า ถ้าพิเคราะห์ให้เลอียดแล้วก็จะเหนได้ว่าไม่สู้เปนความสำคัญนัก เพราะว่าการที่จะเปลี่ยนแปลงพระราชกำหนดกฎหมาย แลพระราช-ประเพณีจัดการพระนครใหม่นั้น ในต้นจำเดิมแรกที่จะจับการ ฝ่ายเราจำเปนแลควรจะต้องแจ้งความให้คอเวอนเมนต์ต่างประเทศทราบ เพื่อเขาจะได้เหนแก่ความยุติธรรม ซึ่งเราจะบำรุงมนุษยทั่วกันให้ได้ความศุข อย่างเช่นเขาบำรุงตามทางที่แลเหนอันหนึ่งอันเดียวกัน เปนทางซึ่งเราจะเอาเปนประกันบ้านเมือง ป้องกันมิให้เขายกเหตุว่าเราไม่ได้ทำนุบำรุงบ้านเมือง แลป้องต้นเหตุไภยอันตรายในข้างน่ารหว่างเมื่อเราจะจัดด้วย แม้นว่าฝ่ายเราได้ลงมือจัดการแล้ว จะมีข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ดี หนีลงไปอาไศรยคนต่างประเทศดังนั้นแล้ว เราก็ควรปล่อยทิ้งเสียเลยช่วยลอดส่งให้ในทันใดทีเดียว ไม่เหนว่าจะทำให้เปนเหตุการใหญ่โตไปได้ เพราะผู้นั้นมีความผิดในการขัดขืนความชอบธรรม ซึ่งได้ทราบทั่วกันแล้ว จะไม่มีใครเชื่อถือฤๅอุดหนุนได้เลย โดยที่สุดจะว่าเวลานี้ชาวต่างประเทศต่าง ๆ มีฝรั่งเสศฤๅอังกฤษเปนต้น กำลังคอยมุ่งหมายจะพาลหาเหตุหาช่องซึ่งจะเข้าเบียดเบียนเรา ถ้าพบปะช่องเหมาะซึ่งมีพวกฝ่ายเราไปทำทางให้แล้ว ก็จะไปรีบรัดฉวยเอาฤๅเข้ามาวุ่นวายขัดขวางต่าง ๆ ทำให้เปนความลำบากขึ้น ความข้อนี้ก็เหนด้วยเกล้าฯว่าจะหาอาจเกี่ยวข้องขัดขวางได้ไม่ เพราะฝ่ายเราจะจัดการบ้านเมืองโดยจริงโดยตรงตามความชอบธรรม เปนทางอันเดียวกันกับที่ชาวยุโรปเดินอยู่แล้ว ประการหนึ่งทั้งฝ่ายเราก็ได้บอกให้ทราบแต่ก่อนแล้ว จึ่งเปนทางป้องกันอันตรายในเหตุความข้อนี้ได้ ไม่ต้องเปนที่ทรงพระปริวิตกว่าจะเปนเหตุให้ถึงแก่มีอันตรายสิ่งใด

4. การเลิกถอนพระราชประเพณีเดิม จะตั้งพระราชประเพณีใหม่ เปนความ


873 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

เปลี่ยนแปลงนี้ จะเปนเหตุให้ข้าทูลลอองธุลีพระบาทแลราษฎรที่ถือเคล็ดถือเงื่อน ฤๅเชื่อถือพระราชประเพณีเดิมเปนหลักถานมั่นคงอยู่ จะพากันเหนไปว่าทรงละพระราชประเพณีเดิมเสีย จะเปนเหตุอันตรายฤๅลางร้ายต่าง ๆ แก่บ้านเมือง ตามความที่เชื่อถือกันโดยมั่นมีชุกชุมอยู่ทั่วไป ฤๅจะพากันหวาดหวั่นตื่นเต้นให้ความนั้นใหญ่โตมากจนเกินไป ความข้อนี้ก็ควรน่าเปนที่รำคานพระราชหฤไทยอยู่ เพราะการเล่าฤๅมักจะเปนทางทำให้มีเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดก็อาจเปนไปได้บ้าง

แต่เมื่อพิเคราะห์ไปแล้วก็เหนด้วยเกล้าฯ ว่าซึ่งจะวิตกในเหตุเปล่า ๆ ไม่เข้าทางอันช่วยอุดหนุนป้องกันพระนครไม่ได้นั้น มาถือเอาเปนเหตุขัดขวางการป้องกันพระนครก็ไม่สมควรเลย ความข้อนี้พระราชอาญาไม่พ้นเกล้าฯ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระ-กรุณาอย่าให้ทรงพระวิตก เพราะการที่จะทรงพระราชดำริห์เหนเอาเปนพยานได้มีอยู่หลายอย่าง เหมือนการที่ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อถอนพระราชประเพณีเดิมบ้าง เพิ่มพระราชกำหนดกฎหมายที่แปลกประหลาดไม่เคยมีมาแต่ก่อนบ้าง ก็มีมาเปนตัวอย่างมากอยู่แล้ว การนั้นก็สามารถจะเปนไปได้ทุกอย่าง แต่ความติเตียนที่คิดหวาดหวั่นไปต่าง ๆ ก็คงมีอยู่ตามทำมดาของมนุษยซึ่งเหนผิดถือผิดกัน ฤๅจำพวกที่คอยหาช่องจับผิดจับร้ายอยู่เสมอก็ดี ถ้าการที่เปลี่ยนแปลงนั้นทำไปไม่ตลอดก็จะยิ่งเปนที่ครหาติเตียนมากขึ้นเปนทำมดา เหมือนการเปลี่ยนแปลงบางอย่างซึ่งได้ทรงพระราชดำริห์ที่ไม่เปนการอุกฤษฐแน่นอนได้มีอยู่ทุกวันนี้ แลคนจำพวกที่จะคอยติเตียนต่าง ๆ อ้างเอาเปนเหตุผลลางร้ายต่าง ๆ นั้น ถึงมาทว่าใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทจะไม่ได้ทรงจัดการกับการเปลี่ยนแปลงอันใด ก็ยังคิดหาช่องเปนเหตุผลบ่นว่าต่าง ๆ อยู่เสมอไม่มีที่สุด ขึ้นชื่อว่าคนจำพวกนี้จะเอาเปนประมาณไม่ได้ โดยที่สุดไม่ได้ทรงทำอะไรเลย ฝนแล้งก็นินทา ก็ถ้าจะนิ่ง ๆ อยู่ดังนี้ โดยจะมีเหตุถึงเสียบ้านเมืองลง ก็ใช่ว่าจะพ้นความนินทาก็หามิได้ จะยิ่งมีมากกว่าที่จะทรงเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมอีก เพราะฉนั้นถ้าทรงทำได้ตลอด ความติเตียนนั้นก็จะสงบหายไปไม่เปนการแปลกประหลาด ลงในที่สุดก็จะต้องกลับเปนการสรรเสริญ เปนความแลเหนได้อยู่ดังนี้

อนึ่งความติเตียนแลสงไสยหวั่นหวาดไปก่อนกาลดังนี้ ข้าพระพุทธเจ้าเหนด้วยเกล้าฯ ว่าย่อมมีอยู่ทุกบ้านทุกเมือง แต่การนี้จะแก้ไขได้อย่างเดียว แต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จัดทำนั้นต้องทำให้ตลอด เปนผลประโยชน์ได้จริง อย่าให้ต้องอยู่ได้ดังเช่นที่แล้วมาแต่ก่อนนั้น จึ่งสามารถจะเปนการป้องกันได้ เพราะฉนั้นข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงจึ่งเหนด้วยเกล้าฯ ว่า ข้าลอองธุลีพระบาทแลราษฎรมีความเชื่อถือในพระราชกฤษดาภินิหาร แลพระบารมีของใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทเปนล้นเกล้าฯ แลถ้าสิ่งใดซึ่งทำไปไม่เปิดช่องให้เปนที่ติเตียนได้ เพราะทำไปให้สำเรจได้จริงแล้ว ก็คงจะอ่อนน้อมตามกระแสพระราชดำริห์ทุกอย่างทุกประการ แลถ้าการที่จะตั้งต้นจัดขึ้นนั้น กวดขันให้เปนไปได้แน่จริงทุก ๆ อย่างแล้ว การต่อไปภายน่าก็จะเปนจริงไปได้โดยง่าย ทั้งผู้ที่เคยขัดขืนแลติเตียนอยู่ก็จะไม่สามารถขัดขืนแลติเตียนต่อไป เพราะฉนี้การที่จะตั้งต้นขึ้นนั้นจึ่งเปนการสำคัญนัก ต้องให้ได้แน่จริงทุกสิ่งทุกประการ จึ่งจะจัดการต่อไปสำเรจได้

5. โดยจะทรงพระราชดำริห์ตั้งพระราชหฤไทยที่จะเปลี่ยนแปลงพระราชกำหนดกฎหมาย แลพระราชประเพณีตลอดแล้ว ยังทรงพระราชดำริห์ไปติดอยู่ ด้วยตัวผู้ซึ่งจะรับราชการฉลองพระเดชพระคุณตามแบบธรรมเนียมใหม่จะหาตัวไม่ได้ ด้วยทุกวันนี้เพียงแต่จะให้การเปนไปตาม

 

874 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

พระราชประสงค์ ฤๅพระราชประเพณีบ้านเมืองก็ยังไม่สำเรจเปนไปได้จริง ข้อนี้ก็เปนทางที่จะทรงปริวิตกไปติดอยู่อีกทางหนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงจึ่งคิดเหนด้วยเกล้าฯ ว่า การทั้งปวงซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดทำขึ้นใหม่เปนสิ่งที่ไม่เคยมีมาแต่โบราณก็มาก ข้าราชการที่จะรับฉลองพระเดชพระคุณก็มีมาก แลที่ได้ทำไปได้ในคราวแรกโดยพระราชประสงค์สำเรจได้ทุกประการข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงสามารถที่จะกราบบังคมทูลพระกรุณา ยกสิ่งที่เปนพยานขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้ เหมือนการเคานซิลที่ทรงพระราชดำริห์จัดตั้งขึ้นใช้การมาคราวหนึ่ง ถ้าจะคิดให้เลอียดแล้ว พระราชกำหนดกฎหมาย แลพระราชประเพณีที่เปลี่ยนแปลงมาในทุกวันนี้ สำเรจได้ในคราวครั้งเคานซิลนั้น แทบจะทุกสิ่งทุกอย่างโดยมาก เพราะฉนั้นจึ่งเปนที่ให้ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงทราบเกล้าฯ ชัดว่า ข้าทูลลอองธุลีพระบาทที่จะฉลองพระเดชพระคุณตามทางวิเสศแปลกประหลาดก็ยังมีอยู่เสมอ แลจะหาได้ต่อไปอีกในภายน่าเปนอันแน่ แต่ภายหลังเมื่อใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาททรงพระมหากรุณาแก่ข้าราชการละเลยไป หาได้ทรงกวดขันให้เปนตัวอย่างขึ้นแล้ว ราชการในน่าที่ต่าง ๆ ก็คลายลงทุกที จนจะทรงพระราชดำริห์เหนไปว่า ข้าราชการหากำลังแลปัญญาที่จะฉลองพระเดชพระคุณต่อไปมิได้ เมื่อการที่จะทำไปนั้นลดถอยลง ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทมีพระราช-อัทธยาไศรยแก่กล้าที่จะให้การนั้นตั้งอยู่ได้ดีขึ้น จึ่งมีพระราชอุสาหทรงพระราชวินิจฉัยในกิจราชการ เพราะมีพระราชประสงค์ที่จะทำนุบำรุงกรุงสยามให้เจริญเปนศุข แต่ข้าราชการทั้งปวงก็มีความสงไสยไปต่าง ๆ เหนไปว่ามีพระราชประสงค์ที่จะตัดอำนาจ แลเลิกถอนการซึ่งผู้นั้นได้รับฉลองพระเดชพระคุณมาพระราชทานแก่ข้าราชการผู้อื่น และเมื่อได้ไปคิดถึงความผิดของตนก็เหนแต่ว่าไม่แปลกประหลาดอันใด ข้าราชการทั้งปวงได้ทำดังนี้ หาต้องรับพระราชอาญาอันสมด้วยโทษไม่ จึ่งเกิดความสงไสยในพระราชดำริห์หนักขึ้น แลมีความริษยาแก่กล้าขึ้นในรหว่างซึ่งกันแลกัน การที่ผู้นั้น ๆ ยังได้รับฉลองพระเดชพระคุณอยู่ก็เปนที่ร่วงโรยลงอีก ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทได้ทรงพระมหากรุณางดโทษข้าทูลลอองธุลีพระบาทที่ร่วมพระราชอาญาในทางละหลวม ดังนี้แล้วราชกิจทั้งปวงจึ่งผันแปรไปต่าง ๆ การที่เปนมาดังนี้ ข้าพระพุทธเจ้าไม่ต้องกราบบังคมทูลพระ-กรุณาพรรณนาให้เลอียดกว่านี้ ด้วยได้ทรงทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทอยู่ทุกประการแล้ว ข้าพระพุทธเจ้ามีความเชื่อเป็นล้นเกล้าฯ ว่าข้าทูลลอองธุลีพระบาทแลราษฎรทั่วพระราชอาณาเขตรมีสันดานอ่อนน้อม คอยที่จะประพฤติตามพระราชประสงค์ โดยพระราชกำหนดกฎหมายอยู่เสมอแลถ้าผู้ใดซึ่งทรงพระมหากรุณาชุบเกล้าฯ เปนหัวน่าจัดการตามกรมต่าง ๆ ไม่ล้างทำลายพระราช-กำหนดให้คลาดเคลื่อนเสียยุติธรรมให้เปนตัวอย่างได้แล้ว การทั้งปวงที่จะกลับกลายไปด้วยข้าราชการผู้น้อยฤๅราษฎรก็ไม่มีเลย

เหตุฉนี้เมื่อมีผู้ที่รับราชการฉลองพระเดชพระคุณนั้น แต่เมื่อแรกก็ทำการโดยแขงแรงได้ตามพระราชประสงค์ ครั้นนานไปก็คลายถอยลงทีละเล็กละน้อย เขาเสมอไม่ เพราะมิได้กวดขันตามอย่างธรรมเนียมให้คงอยู่ ด้วยความที่ทรงพระมหากรุณาข้าทูลลอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้าจึ่งเหนด้วยเกล้าฯ ว่าที่จะเปนข้อขัดขวาง ด้วยเขาข้าราชการที่จะฉลองพระเดชพระคุณนั้นหาเปนไม่ ข้าพระพุทธเจ้าเหนด้วยเกล้าฯ ว่า ถ้าได้ตั้งพระราชหฤไทยที่จะทรงพระราชวินิจฉัยราชการทั้งปวงเปนอย่างอุกฤษฐให้เปนที่เหนได้ทั่วไปในข้าราชการ ว่าจะไม่ทรงพระกรุณาแก่ผู้ที่มีวงษตระกูล ฤๅหาตระกูลมิได้ ผิดชอบประการใดต้องได้รับเสมอกัน แลสรรพสิ่งทั้งปวงต้องให้เปนการสำเรจ

 

875 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

จริงแท้ทั้งสิ้น ผู้ที่รับราชการก็จะต้องคิดรักษาน่าที่หาความดีในทางที่กวดขันให้ได้จริงนั้น ให้เปนการสมดังพระราชประสงค์ได้ทุก ๆ ประการ ข้อความขัดข้องซึ่งข้าพเจ้าทั้งปวงพิเคราะห์เหนในชั้นต้นก็มีเพียงห้าข้อเท่านี้ ฤๅที่ข้าพระพุทธเจ้าจะยังหาได้คิดเหนยังจะมีอีกต่อไปก็ดีถ้าจะใคร่ครวญไปโดยเลอียดแล้ว ความที่สำหรับจะแก้ไขก็มีรวมอยู่ในใจความอันเดียว ซึ่งจะทรงพระราชดำริห์ราชการสิ่งใด ต้องให้เป็นการยั่งยืนอันอุกฤษฐสิ่งเดียวเท่านั้น เพราะฉนี้ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงจึ่งขอพระ-ราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลพระกรุณาโดยความอ่อนน้อมแทบฝ่าลอองธุลีพระบาทขอให้ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทตั้งพระราชหฤไทยทรงทำนุบำรุงความดีความเจริญของกรุงสยามโดยอย่างอุกฤษฐ อย่าให้เว้นว่างแต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ การรับผิดชอบของกรุงสยามนั้น ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาททรงรับผิดชอบในการนั้น การที่ชอบสิ่งใดที่จะทรงจัดแจงเปลี่ยนแปลงนั้น อาจสำเรจได้โดยพระราชกฤษดาพินิจหาร ไม่เปนที่ขัดขวางสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย

ด้วยข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงมีความเชื่อถืออันแน่ว่า ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทมีพระราช-หฤไทยทรงพระอุตสาห ดังที่ได้มีมาเปนพยานอยู่แต่ก่อนแล้ว ที่จะทรงพระราชวินิจฉัยในราชกิจทำนุบำรุงพระราชอาณาเขตรแลไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ให้มีความศุขความเจริญต่อไป แลทั้งโดยความกตัญญูสวามิภักดิ์ของข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง เฉภาะใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท จึ่งนำให้ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์อันแรงกล้าที่จะได้เหนราชการของใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป ด้วยความดีความเจริญ เพราะฉนั้นข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงจึ่งสามารถขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลพระกรุณาใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ควรทรงพระราชดำริห์ถึงราชการปัตยุบัน ซึ่งตั้งอยู่ในสมัยการอันประเสริฐคือศิวิไลเซชั่นนี้ ไม่ควรจะให้มีความดีความเจริญเพียงเสมอรัชกาลของพระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวแต่โบราณมา ด้วยราชกิจแห่งพระบาทสมเดจพระเจ้าแผ่นดินนั้น ใช่แต่จะทรงทำนุบำรุงรักษาพระราชอาณาเขตรให้พ้นจากไภยอันตรายตลอดไปในช่วงรัชกาลหนึ่งนั้นมิได้ ต้องให้ความดีความเจริญที่ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทได้ทรงพระราชอุตสาหประพฤติมาในราชการปัตยุบันนี้ เปนการป้องกันรักษาอันแน่นอนของกรุงสยาม แลเปนรากของความที่จะเจริญต่อไป แลเมื่อราชการในใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทสุดสิ้นไปแล้วให้ผู้ที่จะมารักษาพระราชประเพณีสืบไป แลทางข้าราชการราษฎรนั้นกลับรฦกได้ถึงรัชกาลของใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทด้วยความเคารพนับถือ ว่าเอกราชของกรุงสยาม แลกำเนิดของความศุขความสบายที่ตั้งอยู่เจริญรุ่งเรืองมาจนวันนั้น เพราะใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทพระองค์เดียวได้ทรงทำนุบำรุงในทางอันประเสริฐมา แลจะได้เปนแบบอย่างของรัชกาลข้างน่าสืบไป

ด้วยความประสงค์อันนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงจึ่งสามารถกราบบังคมทูลพระกรุณาบังอาจชี้แจงยืดยาวโดยพิศดาร แลใช้ถ้อยคำอันเรี่ยวแรงดังนี้ เพราะเปนความประสงค์ของข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงที่จะกราบบังคมทูลแสดงความกตัญญูรักใคร่ในใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท แลบ้านเมืองซึ่งได้เป็นของไทยมาหลายร้อยปีโดยเตมตามที่ใจคิดทุกอย่าง ไม่ได้คิดยั้งถ้อยคำ ถ้าผิดพลั้งเหลือเกินเรี่ยวแรงไปประการใดแล้ว พระราชอาญาไม่พ้นเกล้า แลที่ข้าพเจ้าทั้งปวงสามารถกราบบังคมทูลพระกรุณา ทั้งนี้หาได้มีความประสงค์แห่งลาภยศ ถานานุศักดิ์ ฤๅช่องโอกาศด้วยความประสงค์จะหาประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใดไม่ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงมีความประสงค์ที่จะได้ฉลองพระเดชพระคุณ ซึ่งได้ทรงพระมหากรุณาชุบเกล้าฯ มา แลทำความดีให้แก่บ้านเมือง ซึ่งเปนที่รักของ

 

876 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เพื่อให้เปนเอกราชต่อไป ด้วยร่างกายแลชีวิตร หาได้คิดถึงความศุขความเจริญแต่ในส่วนตัวต่อไปข้างน่าไม่ แลถ้าคำซึ่งข้าพระพุทธเจ้ากราบบังคมทูลพระกรุณานี้จะต้องพระราชอัทธยาไศรยก็ดี ไม่ต้องก็ดี ข้าพระพุทธเจ้าขอพระบารมีปกเกล้าฯ รับพระราชทานพระราชหัตถเลขา จะได้เปนที่เยนใจแก่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง ผู้มีความสวามิภักดิ์โดยสุจริต ถ้าคำซึ่งข้าพระพุทธเจ้ากราบบังคมทูลพระกรุณานี้ ต้องด้วยพระราชดำริห์แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงจะขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลพระกรุณา ในความแก้ไขจัดการบ้านเมืองอย่างยุโรปให้เลอียดขึ้นอีกในคราวน่า เพื่อได้ทรงพระราชดำริห์ในการนั้น แลจัดสร้างขึ้นตามพระราชประสงค์ต่อไป

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายกราบบังคมทูลพระกรุณามาทั้งนี้ จะผิดชอบประการใด พระราช-อาญาไม่พ้นเกล้าฯ ขอพระบารมีปกเกล้าฯ เปนที่พึ่ง

ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขอเดชะ

ขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณามาแต่ ณ วันที่ 5 เดือน 2 แรม 8 ค่ำ

ปีวอกฉศก 17 ศักราช 1246 ตรงวันที่ 8 เดือนเยนนุอารี คฤสตศักราช 1885

นเรศวรฤทธิ                         โสณบัณฑิตย

สวัสดิโสภณ                        ปฤษฎางค์

พระยาดำรงราชพลขันธ์ (นกแก้ว) หลวงเดชนายเวร (สุ่น)

หลวงวิเสสสาลี (นาค)             นายเสน่ห์ (บุศ)

ขุนปฏิภาณพิจิตร (หรุ่น)           นายเปลี่ยน

สัปเลตเตอร์แนนต์                  สอาด

 

877 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

1. นเรศวรฤทธิ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากฤดาภินิหาร กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งอัครราชทูตสยามประจำราชสำนักเซนต์เจมส์ และอัคร-ราชทูตสยามประจำกรุงวอชิงตัน

2. โสณบัณฑิตย พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ตำแหน่งที่ปรึกษาสถานทูตสยาม ณ กรุงลอนดอนและกรุงวอชิงตัน

3. สวัสดิโสภณ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ซึ่งขณะนั้นทรงศึกษาวิชากฎหมายอยู่ที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด

4. ปฤษฎางค์ เจ้านายพระองค์สุดท้ายซึ่งทรงเป็นผู้เรียบเรียงก่อนที่จะให้เจ้านายอีก 3 พระองค์ทรงตรวจแก้ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ อัครราชทูตสยามประจำกรุงปารีสและราชสำนักอื่น ๆ ในทวีปยุโรป

5. พระยาดำรงราชพลขันธ์ (นกแก้ว คชเสนี) อุปทูตสถานอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน

6. หลวงเดชนายเวร (สุ่น สาตราภัย) ผู้ช่วยสถานทูตอยู่ที่สถานอัครราชทูต ณ กรุงปารีสในขณะนั้น

7. หลวงวิเศษสาลี (นาค ณ ป้อมเพชร) ตามเสด็จกรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ เมื่อครั้งเสด็จมารับตำแหน่งอัครราชทูตที่ลอนดอนในปี พ.. 2426

8. นายเสน่ห์ หุ้มแพร (บุศย์ เพ็ญกุล) เลขานุการของพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นราชทูตพิเศษและได้รับมอบหมายภารกิจหลายด้าน

9. ขุนปฏิภาณพิจิตร (หรุ่น) ซึ่งเดินทางมากรุงลอนดอนในช่วงปี พ.. 2425 พร้อมกับหลวงเดชนายเวร

10. นายร้อยเอก เปลี่ยน หัสดิเสวี ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประจำสถานอัครราชทูตสยาม ณ กรุงลอนดอน

11. สับเลฟติแนนต์ สอาด สิงหเสนี เดินทางมาอังกฤษพร้อมกับกรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ในปี 2426 รับราชการอยู่ในประเทศอังกฤษมาตลอด จนกระทั่งได้ดำรงตำแหน่งอัครราชทูตสยามประจำราชสำนักเซนต์เจมส์ระหว่างปี พ.. 2442 - 2445 ในบรรดาศักดิ์ พระยาประสิทธิศัลยการ

 

878 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

พระราชดำรัสตอบความเห็น

ผู้ที่จะให้เปลี่ยนแปลงการปกครอง

.. 1247

ที่มา

สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เอกสารรัชกาลที่ 5 กร 5 บ/8

พระราชดำรัสตอบความเห็นผู้ที่จะให้เปลี่ยนแปลงการปกครอง จ.. 1247

 

879 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

ที่ 15/47 วันพุธ แรม 1 ค่ำ เดือน 6 ปีรกา สัปตศก18 ศักราช 1247

ถึงกรมหมื่นนเรศวรฤทธิ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ แลผู้ซึ่งมีชื่อในหนังสือฉบับเดียวกัน ซึ่งจะได้กล่าวต่อไปนั้นให้ทราบ

ด้วยเราได้รับหนังสือของท่านทั้งปวง ลงชื่อพร้อมกับส่งมาเปนความเหน ว่าด้วยอันตรายจะมีแก่บ้านเมืองอย่างไร การที่ควรจะหลีกหนีให้พ้นอันตราย ด้วยจัดการได้ถึงที่เพียงเท่าใด ความเหนของท่านทั้งปวงที่กล่าวมาแล้วนั้น เราได้พิจารณาโดยถ้วนถี่ทุกข้อทุกประการแล้ว

ในเบื้องต้นนี้ เราขอตอบแก่ท่านทั้งปวงว่า เราชอบใจอยู่ในการซึ่งพระบรมวงษานุวงษ แลข้าราชการของเราได้ไปเหนการในประเทศอื่น แล้วรฦกถึงประเทศของตน ปรารถนาที่จะป้องกันอันตราย แลจะให้มีความยั่งยืนมั่นคงอยู่ในอำนาจอันเปนอิศรภาพ ในข้อความบันดาที่ได้กล่าวมาแล้ว ที่เปนตัวใจความสำคัญทุกอย่างนั้น เรายอมรับว่าเปนการจริงดังนั้น ยกไว้แต่ข้อเลกน้อยบางข้อ ซึ่งบางทีจะเปนเข้าใจผิดไป แต่หาเหนควรที่จะยกขึ้นพูดในที่นี้ไม่ แต่เราขอแจ้งความแก่ท่านทั้งปวงให้ทราบพร้อมกันด้วยว่า ความที่น่ากลัวอันตรายอย่างใดซึ่งได้กล่าวมานั้นไม่เปนการที่จะแลเหนได้ขึ้นใหม่ของเราเลย แต่เปนการได้คิดเหนอยู่แล้วทั้งสิ้น แลการที่ควรจะทำนุบำรุงให้เจริญอย่างไรเล่า เราก็มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะได้จัดการนั้นให้สำเรจตลอดไปได้ไม่ต้องมีความห่วงระแวงอย่างหนึ่งอย่างใด ว่าเราจะเปนผู้ขัดขวางในการซึ่งจะเสียอำนาจ ซึ่งเรียกว่าแอบโซลูดเปนต้นนั้นเลย เพราะเราได้เคยทดลองรู้มาแล้วตั้งแต่เวลาเปนตุกกระตา ซึ่งไม่มีอำนาจอันใดเลยทีเดียว นอกจากชื่อ จนถึงเวลาที่มีอำนาจขึ้นมาโดยลำดับจนเตมบริบูรณในบัดนี้ ในเวลาที่มีอำนาจน้อยปานนั้นได้ความลำบากอย่างไร และในเวลาที่มีอำนาจมากเพียงนี้ได้ความลำบากอย่างไรเรารู้ดี จำได้ดี เพราะที่จำได้อยู่อย่างนี้ เหตุไรเล่าเราจึงจะไม่มีความปรารถนาอำนาจปานกลาง ซึ่งจะเปนความสุขแก่ตัวเรา แลจะเปนการมั่นคงถาวรของพระราชอาณาจักรด้วยนั้น เพราะเหตุฉนี้ เราขอให้ท่านทั้งปวงเข้าใจว่าเราไม่เปนพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งจะต้องบีบคั้นให้หันลงหาทางกลาง เหมือนอย่างพระเจ้าแผ่นดินยุโรปซึ่งมีมาในพงษาวดาร แลเพราะความเหน ความรู้ซึ่งเราได้เปนเจ้าแผ่นดินมาถึงสิบแปดปี ได้พบได้เหน แลได้เคยทุกข์ร้อนในการหนัก การแรง การเผ็ด การร้อนของเมือง ซึ่งมีอำนาจจะมากดขี่ประการใด ทั้งได้ยินข่าวคราวจากเมืองอื่น ๆ ซึ่งมีเนือง ๆ มิได้ขาด แลการซึ่งเราได้ขวนขวายตะเกียกตะกายอยู่ในการที่จะเปลี่ยนแปลงมาแต่ก่อน จนมีเหตุบ่อย ๆ เปนพยานของเราที่ยกขึ้นชี้ได้ว่า เราไม่ได้เปนพระเจ้าแผ่นดินซึ่งเหมือนอย่างกับคางคกอยู่ในกะลาครอบ ที่จะพึงทรมานให้สิ้นทิฐิถือว่าตัวโตนั้นด้วยอย่างหนึ่งอย่างใดเลย

เมื่อเราได้ชี้แจงถึงตัวเราเองว่าไม่เปนผู้กีดแก่การจำเริญแลการมั่นคงของบ้านเมืองดังนั้นแล้ว เรายังต้องเปนผู้รับผิดที่คนทั้งปวงจะลงร้าย ว่าเพราะเราเปนคนอ่อน ไม่สามารถที่จะหักหาญแก่ผู้หนึ่งผู้ใด เพราะความเหนซึ่งจะถือว่า ถ้าเราประสงค์อย่างไรการนั้นคงจะตลอดไปได้ การซึ่งไม่ตลอดไปได้เพราะเราไม่คิดจะให้ตลอดดังนี้ ดูเหมือนเราเปนผู้ทำให้เสียอำนาจเจ้าแผ่นดินไป เพราะความอ่อนของตัว ในความข้อนี้ เราไม่อยากจะซัดโทษให้แก่ท่านแต่ก่อนเลย แต่เปนการจำเปนที่จะต้องพูดว่า อำนาจเสนาบดีได้เจริญขึ้น เพราะมีอำนาจได้ตั้งเจ้าแผ่นดินมาแต่ก่อนมากนักแล้ว จนตลอดถึงเวลาเราได้เปนเจ้าแผ่นดินขึ้น ก็เปนเวลาเคราะห์ร้าย ที่ตัวเราเปนเด็ก เปนโอกาศยิ่งใหญ่ที่จะถอนอำนาจเจ้าแผ่นดินได้หมด เหมือนว่าวที่ปล่อยจนหมดสายป่านไม่มีเหลือ

 

880 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

เลย ยังเหลือแต่ธุระที่เราจะทำอยู่ เพียงจะชั่งกำลังตัวว่า เมื่อเราเปนเด็กอยู่มีกำลังเพียงเท่านั้น จะรั้งว่าวนั้นไม่ให้หกล้ม ฤๅจะปล่อยให้ว่าวหลุดลอยเสีย แต่เปนเดชะบุญที่เราเปนแต่เด็กกำลังเดียวเท่านั้น ได้อาศัยเอาป่านพันหลักค่อย ๆ สาวเข้ามา จนไม่มีอันตรายหลุดลอยไปได้ แต่ก็ยังเปนพนักงานอย่างเดียวที่จะสาวสายป่านให้สั้นเข้ามาทุกที สั้นเข้ามาทุกที เมื่อเหลือกำลังก็หย่อนไป เมื่อพอที่จะสาวก็สาวเข้ามาพันหลักไว้ เมื่อผู้ใดได้รู้การเก่า ผู้นั้นจะเหนได้ว่าความยากลำบากของเราเปนประการใด ถ้าผู้ที่ได้เหนแต่การภายหลังก็จะเข้าใจว่า เราได้นั่งขี้เกียจฤๅโง่เซอะมาเปน 17 - 18 ปี ที่พูดมานี้ ถ้าจะฟังในเวลานี้ก็เหนเปนการเพ้อเจ้อ แต่ถ้าคิดถึงแต่ก่อนแล้วยิ่งเปนการสำคัญมาก ยากที่จะทำ ซึ่งเราถือว่าเราไม่ได้ขี้เกียจอยู่เปล่าเลย ยกเอามาว่านี้เพราะจะให้เหนว่าการแต่ก่อนนี้เปนไปไม่ได้ เพราะเหตุใด คำซึ่งถือว่าความปรารถนาของเราเปนสำคัญ จะใช้ทั่วไปทุกเวลาไม่ได้ เราไม่ยอมรับผิดชอบอันนั้นเลย เพราะเราได้ทำการเตมกำลังแล้ว แต่เวลาปีหนึ่งสองปีนี้ดูเปนโอกาศดีขึ้นมากที่ควรจะจัดการต่อไปอีกได้ เราก็ได้คิดอยู่เปนนิจที่จะจัดการตามเวลาที่จะเปนได้ ในครั้งนี้ท่านทั้งปวงได้รับเข้ามาแล้วว่าจะช่วยคิดจัดการต่อไปเมื่อได้รับอนุญาตของเรานั้น เปนที่ชอบใจของเราอยู่ เราเหนสมควรที่จะชี้แจงการที่เปนอยู่เดี๋ยวนี้อย่างไร ความต้องการของเมืองเรานั้นต้องการอันใด ที่ผู้ซึ่งไม่ได้อยู่ใกล้ชิดต่อราชการจะรู้แน่ได้โดยยาก

คือราชการในเมืองเรานี้ ถ้าจะเทียบกับประเทศอื่น ๆ การแต่เดิม ๆ มานั้น การเอกเสก-คิวตีฟ2 กับลิยิสเลตีฟ3 รวมอยู่ในเจ้าแผ่นดินกับเสนาบดีโดยมาก แต่ครั้งมาเมื่อริเยนซี4 ในตอนต้น อำนาจนั้นก็อยู่แก่ริเยนต์แลเสนาบดีทั้งสองอย่าง ครั้นภายหลังมา เมื่อเราค่อยมีอำนาจขึ้น ตำแหน่งเอกเสกคิวตีฟนั้นเปนที่หวงแหนของริเยนต์แลจนถึงเสนาบดี แต่ลิยิสเลตีฟนั้นหาใคร่จะมีผู้ใดชอบใจไม่ เราจึ่งได้จับอุดหนุนการลิยิสเลตีฟขึ้น จนถึงมีเคานซิลที่ปฤกษาทำกฎหมายเนือง ๆ เปนต้น จนตกลงเปนเสนาบดี เปนคอเวอนเมนต์ เราก็กลายเปนหัวหน้าของพวกลิยิสเลตีฟ-เคานซิล เปนออปโปสิชั่นของคอเวอนเมนต์ตรง เมื่อการภายหลังมามีเหตุการณ์ในการคอเวอน-เมนต์มากขึ้น เปนโอกาศที่เราจะได้แซกมือลงไปได้บ่อย ๆ เราจึ่งได้ถือเอาอำนาจเอกเสกคิวติฟได้ทีละน้อยละน้อย จนภายหลังตามลำดับลำดับมาจนกระทั่งถึงบัดนี้ เรากลายเปนตัวคอเวอนเมนต์เราเชื่อเปนแน่ว่าในการลิยิสเลตีฟเคานซิลครั้งนั้นคงจะได้แรงเพราะเรา จึ่งได้ทำการตลอดไปได้ไม่มากก็น้อย ครั้นเรากลับมาเปนเอกเสกคิวตีฟคอเวอนเมนต์เสียแล้ว การลิยิสเลตีฟไม่มีผู้อุดหนุนเพราะเปนการเหลือกำลังที่เราจะทำทั้งสองอย่างได้ตลอดเช่นพระเจ้าแผ่นดินแต่ก่อน ด้วยราชการเกิดขึ้นมากกว่าหลายสิบเท่านัก แลเพราะเมมเบอที่เปนตัวสำคัญขาดไปเสียบ้าง จึ่งทำให้ลิยิสเลตีฟ-เคานซิลมีเสียงอ่อนไป ทำกฎหมายอันใดก็ไม่ใคร่จะทำสำเรจได้ โทษที่การลิยิสเลตีฟเคานซิลเสียไปจะลงเอาว่าเพราะแต่ก่อนเราตั้งใจอุดหนุนอยู่ การจึ่งตลอดไป ในภายหลังเพราะเราทิ้งเสียจึ่งเสียไป ก็ต้องรับว่าเปนการจริงอยู่ แต่ต้องขอชี้แจงให้เข้าใจอีก ว่าการที่เราทำอยู่ในตำแหน่งเอกเสก-คิวตีฟคอเวอนเมนต์นี้ ถ้าจะเปรียบกับการคอเวอนเมนต์อังกฤษ ก็เหมือนหนึ่งเปนปริเมียเองในตัวแต่ได้เปรียบกว่ากันคนละอย่างคือ ปริเมียอังกฤษต้องรู้การคิดการที่สำคัญทุกสิ่งทุกอย่าง เว้นไว้แต่การเลกน้อย คนอื่นทำไปได้ตามตำแหน่งมินิสตรีของตัว แต่ส่วนเราต้องรู้การตั้งแต่ใหญ่ลงไปจนเลกทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องทำเองสั่งเองทุกสิ่ง ตลอดจนถ้อยความเลกน้อย ไม่ใคร่จะได้อาศัย ฤๅไม่ได้อาศัยเสนาบดีตามตำแหน่งนั้น ๆ เลย เราต้องรับการตำแหน่งนี้หนักยิ่งกว่าปริเมียอังกฤษ

 

881 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

แต่ปริเมียอังกฤษต้องนั่งในเฮาสออฟปาลียเมนต์คอยแก้ความ ส่วนเราไม่ต้องนั่ง เปนได้เปรียบปริเมียอังกฤษ

เมื่อการของเราหนักปานนี้ ไม่มีเวลาที่จะหยุดได้ จึ่งไม่ได้อุดหนุนในการลิยิสเลตีฟเคานซิล ให้แขงแรงได้เหมือนแต่ก่อน จะหาเวลาที่จะเรียงหนังสือให้ยาว ๆ หน่อยหนึ่งก็ยากเปนที่สุด อย่าว่าแต่จะทำกฎหมายเลย แต่ในการเอกเสกคิวตีฟคอเวอนเมนต์ เราสามารถที่จะพูดได้ว่า ยังชั่วขึ้นกว่าแต่เปนแน่ แต่จะเรียกว่าดีนั้นไม่ได้เลย เพราะมีช่องที่จะเสียได้มาก แลไม่เปนการถาวรด้วย

เพราะฉะนั้นการต้องการในเมืองเราเวลานี้ ที่เปนต้องการสำคัญนั้นคือ คอเวอนเมนต์รีฟอม จำเปนที่จะให้พนักงานของข้าราชการแผ่นดินทุก ๆ กรมทำการให้ได้เนื้อเตมหน้าที่ แลให้ได้ประชุมปฤกษาหาฤๅกัน ทำการเดินให้ถึงกันโดยง่ายโดยเรว ทำการรับผิดชอบในน่าที่ของตัว หลีกลี้ไม่ได้ นี่เปนความต้องการอย่างหนึ่ง

ความต้องการอีกอย่างหนึ่งนั้น คือผู้ทำกฎหมายให้เปนผู้สำหรับที่จะตริตรองตรวจการทุกสิ่งทุกอย่างในพวกที่ว่ามาแล้วนั้น จะทำฤๅตัดสินการขัดข้องด้วยทุกวันนี้จะหาผู้ที่ทำกฎหมายได้เกือบจะเรียกได้ว่าไม่มีทีเดียว ได้คิดที่จะทำกฎหมายอันใดอันหนึ่งหลายเรื่องนักหนาแล้ว ไม่สำเรจไปได้สักเรื่องหนึ่ง เพราะผู้ที่จะทำได้นั้นมักเปนผู้ที่มีการในตำแหน่งที่ต้องทำเสมอจนเหลือที่จะทำได้ ถ้าจะให้ประชุมเคานซิลทำอย่างเช่นแต่ก่อนก็ไม่สำเร็จได้เลยสักเรื่องเดียว ความต้องการทั้งสองสิ่งนี้เปนต้องการใหญ่ของเมืองเรา

ในการที่จะจัดตำแหน่งเสนาบดีให้รับการได้จริงทุกสิ่งทุกอย่างในสำรับเก่าที่เปนอยู่บัดนี้ ให้กลับทำการอย่างใหม่ได้จริงนั้นไม่ยาก แต่เพียงที่เคยเปนออปโปสิชั่นกันมาเสียแต่ก่อน ที่จำเปนจะต้องเหนไม่ต้องกัน ฤๅแกล้งบิดพลิ้วจะให้เสียนั้นอย่างเดียวเลย เปนการที่เหลือกำลังจะทำไปได้ก็มี เหมือนอย่างเมื่อเรว ๆ นี้ กงสุลฝรั่งเสศมีหนังสือมา เรื่องประกาศห้ามไม่ให้บันทุกกำลังศึกเข้าไปในเมืองจีน เราจึ่งได้มีคำสั่งเจ้าพระยาภาณุวงษให้ทำคำประกาศ แลให้แปลหนังสือที่ประเทศทั้งปวง ได้ตกลงกันอย่างไร ลงในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ให้ลูกค้าทั้งปวงทราบ ได้สั่งการโดยละเอียดถ้วนถี่แล้ว ครั้นเมื่อร่างประกาศมาให้เราดู มีข้อความเพิ่มเติมลงไปอีก ว่าเมืองไทยเรามีแต่เข้า5 เปนสินค้า เข้าไม่เปนอาวุธ ไม่ต้องห้ามดังนี้ ที่เติมลงนี้ก็ประสงค์จะให้ดีเท่านั้น ใช่จะแกล้งอย่างหนึ่งอย่างใดเลย แต่หาได้ดูในหนังสือฉบับที่ให้แปลนั้นเองไม่ ว่าเขาจะกำหนดห้ามอันใด จะประกาศให้ทราบ แลไม่มีกำหนดว่าจะห้ามอันใดบ้าง แลมีหนังสือพิมพ์ข่าวโทรเลขในเวลานั้นลงออกอึงไปว่า ฝรั่งเสศจะห้ามแต่เข้าอย่างเดียว ก็ไม่รู้เสีย การวางมือไปไม่ได้อย่างนี้ ท่านเสนาบดีกรมนี้ก็นับว่าเปนผู้มีปัญญายังชั่วกว่ากรมอื่น ๆ ยังเปนดังนี้ จะป่วยกล่าวไปไยถึงกรมอื่น ๆ เล่า เพราะเหตุอันนี้ เราจึงต้องรับภาระอันหนัก โดยมิได้หยากจะขวนขวายไปรับเอามาเลย ดังเช่นกล่าวมาข้างต้นแล้วนั้น ถึงตัวท่านเสนาบดีเองเล่า เราก็เชื่อเปนแน่ว่าได้รู้ตัวเหมือนกัน ว่ากำลังตัวเองไม่พอที่จะรับแก่การประจุบันนี้ได้ บางครั้งบางคราวเปนแน่ จึ่งได้พากันหลบเลี่ยง ไม่ใคร่หยากเข้าที่ประชุมเลยเปนนิจ ถ้าเข้าที่ประชุมก็ไม่พูดเสียบ้าง พาลโกรธน้อยอกน้อยใจเปนการดูถูกดูแคลนไปบ้าง ฤๅพูดออกมาแล้วการนั้นมักไม่ใคร่จะได้เปนตามพูด เพราะความเหนอย่างอื่นมีดีกว่า ก็เหนเปนคำพูดของตัวไม่มีราคา ทำให้เกิดความท้อถอย เหนเสียว่าสู้รักษาให้เปนคมในฝักไม่ได้ เมื่อการเปนอยู่ดังนี้ ก็เปนเหตุที่ชวนให้คิดหยากเปลี่ยนแปลงใหม่ แต่ต้องคิดอีกว่า การที่จะ

 

882 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

เปลี่ยนแปลงนั้น ในท่านสำรับเก่านี้จะทำการได้ฤๅไม่ เมื่อทำการไม่ได้แล้ว ก็มีช่องเดียวแต่จะต้องรีไซน์ การที่มินิสเตอร์จะรีไซน์พร้อมกันมาก ๆ ซึ่งไม่เคยมีในเมืองไทยเลยจะมีเหตุผลประการใด ท่านทั้งปวงก็ได้คิดชั่งคิดตวงมาแล้วทุกอย่าง แต่การที่ชั่งตวงนั้นจะถือว่าเปนความถูกต้องมาแต่ดั้งเดิม เว้นแต่ไม่คิดนั้นไม่ได้ ถ้าเปนแต่ก่อน จะชั่งน้ำหนักอย่างนี้ไม่ได้เลย แต่ในเวลานี้เราเหนว่าจะเปนไปได้อยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ดี ยังเปนที่ตะขิดตะขวงใจมาก แลเปนที่ตกใจของคนตลอดหัวเมือง ทั่วพระราชอาณาเขตรไม่น้อยเลย แต่บางทีก็จะมีเหตุผลได้บ้าง แต่ที่จะเปนใหญ่โตอันใดไปเปนไปไม่ได้ ผู้ซึ่งนั่งอยู่นอกจากวงก็แลเหนว่าไม่เปนการยากอันใด แต่ผู้ซึ่งจะเปนผู้ทำนั้นเปนความลำบากอยู่บ้าง แต่การเรื่องนี้ก็ได้รั้งรอมานาน แลได้คิดแก้ไขอย่างอื่นมากแล้ว ก็เหนเปนการไม่ตลอดได้ ราชการทั้งปวงก็บีบคั้นเร่งรัดเข้า แลโอกาศที่จะจัดก็ค่อยโปร่ง ๆ ขึ้นทุกที เหนเปนเวลาที่ควรจะจัดได้ เราจึ่งขอบอกท่านทั้งปวงว่า การเรื่องนี้เรากำลังได้คิดจะจัดอยู่ทีเดียว เมื่อท่านทั้งปวงจะช่วยคิดแล้ว จงคิดการเรื่องนี้เถิด จะได้เทียบเคียงกับความคิดที่ในกรุงเทพ เลือกเอาตามภาระที่สมควรแก่บ้านเมือง

ในส่วนลิยิสเลตีฟเคานซิลนั้น เปนการจำเปนจะต้องมี ดังเช่นเราได้กล่าวมาแล้ว แต่ไม่เปนการง่ายเลยที่จะหาตัวผู้ซึ่งจะเปนการได้จริง ผู้ซึ่งจะมีปัญญาชี้เหตุการณ์ติแลชมได้นั้นมีมากคนไป แต่ไม่พ้นจากที่จะเหมือนกับชี้บอกว่า สิ่งนี้แดง สิ่งนี้ดำ สิ่งนี้ขาว ซึ่งแลเหนอยู่แก่ตาทั่วกันแล้วอย่างนั้นเอง แต่ผู้ซึ่งจะทำให้เปนรูปร่างอย่างใดเข้านั้นไม่ใคร่มีตัวเลย อยู่ในไม่พ้นแล้วแต่จะโปรด ฤๅถ้าทรงแล้วก็ได้ แต่ถ้าจะทรงด้วยกำลังเองไม่ไหว ให้ไปทำมาก็เปล่าทั้งนั้น นิ่งเงียบ ๆ เสีย พอลืมแล้วก็กลายเปนเพราะไม่ทรง จึ่งได้ค้าง ส่วนตัวเราจะทรงเองที่ไหนไหว เพราะการออกเปนก่ายเปนกองดังเช่นกล่าวมาแล้ว ถ้าลิยิสเลตีฟเคานซิลที่จะตั้งขึ้นใหม่ยังเปนอย่างนี้อยู่แล้วไม่มีดีกว่ามี เพราะเราจะถูกตั้งชื่อว่าเปนผู้สำหรับที่เขาจะว่าเพราะเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อันใดขึ้นอีก การเรื่องที่จะทำกฎหมาย แลจะคิดการทั้งปวงในกระบวนได้เสียของกฎหมายที่จะออกไปเหล่านี้ เราเหนว่าแต่กำลังคนไทยที่จะตั้งขึ้นเปนลิยิสเลตีฟเคานซิล คงจะทำไม่ตลอดเปนแน่ ด้วยการเกี่ยวข้องเจือปนกับต่างประเทศมากนัก เหลือความรู้ที่จะรู้ไปได้จริง ๆ จำเปนจะต้องมีหมอความคนหนึ่งฤๅสองคนมาเปนที่หารือจึ่งจะทำการไปได้

การสองสิ่งนี้ รวมความก็อย่างเดียวคือ คอเวอนเมนต์รีฟอมนี่แล เปนต้นเหตุที่จะจัดการทั้งปวงได้สำเรจตลอด ถ้าการเรื่องนี้ยังไม่เปนการเรียบร้อยได้แล้ว การอื่น ๆ ยากนักที่จะตลอดไปได้ เพราะฉะนั้นเราจึ่งขอให้ท่านทั้งปวงคิดการเรื่องนี้ ตามที่รับมาว่าจะคิดนั้นคิดการอื่น ๆ ที่จะต้องรีฟอมบ้าง จัดขึ้นใหม่บ้างนั้น เราของดไว้พูดต่อภายหลัง ซึ่งเราพูดอธิบายถึงตัวเราเองดังกล่าวข้างต้นนั้น ใช่จะมุ่งหมายปักน่าว่า ท่านทั้งปวงลงเนื้อเหนเอาว่าเราเปนดังเช่นที่ได้กล่าวมานั้นทั่วไป เราเชื่อว่าคงมีผู้รู้แน่ว่าใจเราเปนอย่างไร แต่ที่ว่าให้ตลอดดังนี้ เพื่อว่าคนในประจุบันนี้ฤๅสืบไปภายน่าที่ไม่สามารถรู้น้ำใจเรา เมื่อได้ยินได้ฟังการทั้งนี้จะเข้าใจน้ำใจของเราผิดไป จึ่งจำเปนจะต้องว่าไว้ให้ตลอดตามความที่เปนจริงอย่างไรในใจของเรา

สยามินทร์

 

883 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

1.2 รายงานประชุมเสนาบดีสภา

เรื่องรวมเมืองเป็นมณฑลและเรื่องจัดการเทศาภิบาล

.. 2436

ที่มา

คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม

รายงานการประชุมเสนาบดีสภา รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ภาคที่ 1

รายงานการประชุมเสนาบดีสภา ร.. 112 ตอน 1, 2552.

 

884 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

วันประชุม ที่

วันที่ 4 มีนาคม รัตนโกสินทรศก(26) 112 (วันอาทิตย์ เดือน 3 แรม 12 ค่ำ ปีมเสงเบญจศก 1255) ประชุมที่มุขกระสันพระที่นั่งพิมานรัถยา เวลายาม 1 กับ 10 นาที

ผู้มาประชุม พรหมวรานุรักษ์ เวลา 2 ทุ่ม 54 นาที

สมมตอมรพันธุ์ ,, ,,

พิทยลาภพฤฒิธาดา ,, ,,

ดำรงราชานุภาพ. ,, 57 นาที

พระยามนตรี ,, ,,

นริศรานุวัดติวงษ์ ,, ,,

ขจรจรัสวงษ์ ,, ,,

ไชยันตมงคล ,, ,,

ภาสกรวงษ์ เวลายาม 5 นาที

นเรศวรฤทธิ ,, 8 นาที

เทวะวงษ์วโรประการ ,, ,,

ภาณุรังษี ,, 9 นาที

พระประชาชีพมาแทนพระยาสุรศักดิ์มนตรี

ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องตรวจงบประมาณ

การเลือกผู้เปนประธาน กรมหมื่นดำรงจับฉลากได้เจ้าฟ้ากรมขุนนริศร์กับกรมหมื่นพรหมตกลงเจ้าฟ้ากรมขุนนริศร์เปนประธาน...

...กรมหมื่นดำรงอ่านความเหนที่จะจัดเทศาภิบาล

1 ว่าด้วยประโยชน์ที่จะจัดเทศาภิบาล

2 ว่าด้วยกำหนดมณฑลเทศาภิบาล กรุงเทพฯ, 1 มณฑลหัวเมืองชั้นใน 8 ชั้นนอก 3ประเทศราช 3 รวมเปน 15 มณฑลแลให้แยกขึ้นกระทรวงต่าง ๆ

3 ว่าด้วยให้มีฃ้าหลวงเทศาภิบาลประจำมณฑลชั้นในบังคับบัญชาการตลอดมณฑล

4 ว่าด้วยฃ้าหลวงรองมหาดไทย กระลาโหม, ยุติธรรม, คลัง, แลผู้ช่วย

5 ว่าด้วยการที่จะจัดในชั้นต้น

6 ว่าด้วยจะทำบาญชีที่เกิดภาษีอากรในศก(28) 114

7 ว่าด้วยการป้องกันโจรผู้ร้ายแลบำรุงการต่าง ๆ

8 ว่าด้วยการทหารต้องรอฟังความเห็นเจ้าน่าที่

9 ว่าด้วยการชำระความ ต้องแก้กฎหมายบางฃ้อแลให้วางโทษได้

10 ว่าด้วยจะมีฃ้าหลวงพิเศษไปหาฤๅฃ้าหลวงเทศาภิบาลจัดการชำระความทุก ๆ มณฑล

11 ว่าด้วยจะตั้งศาลใหญ่ตามมณฑล แลศาลประจำเมือง แลศาลอำเภอกำนัล6

 

885 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

เมื่ออ่านแล้ว กรมหมื่นดำรงแจ้งว่า ในข้อที่ว่าด้วยการพิจารณาความนั้น ได้หาฤๅไปยังกระทรวงยุติธรรมแล้ว กระทรวงยุติธรรมรับจะเรียงความเห็นแลพระราชบัญญัติทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อโปรดแล้วจะได้ลงมือจัดไปแต่ต้นปี แลจะได้ตั้งศาลใหญ่มณฑลละศาล ศาลสำหรับเมือง เมืองละศาล ศาลอำเภอตามแขวง การพิพากษาต้องให้สิทธิขาดอยู่ในฃ้าหลวงรองที่ว่าการฝ่ายยุติธรรม

เงินที่จะใช้ในมณฑลเทศาภิบาลทั้งห้านั้นเปนเงิน แต่จะหักลงได้บ้าง คือเงินเดือนข้าหลวงเมืองนครราชสีห์มาเปนต้น คงเงินจะต้องใช้อยู่ใน

สภานายกฃอให้ยกความเหนนั้นปฤกษาเปนข้อ ๆ สมเด็จกรมพระว่าการเนื่องถึงกระทรวงอื่นอยู่ด้วย สภานายกว่าเมื่อเนื่องถึงการสิ่งใดก็ให้ปฤกษาตามไปในสิ่งนั้น ตกลงให้กรมหมื่นดำรงกะฃ้อปฤกษา

ว่าด้วยแบ่งมณฑลต่าง ๆ มณฑลกรุงเทพฯ, รวมเมืองสมุทรปราการ นครเขื่อนขันข์ นนทบุรี ประทุมธานี สมุทรสาคร นครไชยศรี สุพรรณ เมืองอื่น ๆ ตกลงแต่เมืองสุพรรณ กรมนเรศสงไสยว่าไกลขึ้นไป กรมดำรงอธิบายว่า เฃ้ากับมณฑลใดไม่ได้ ลำน้ำเนื่องต่อกับนครไชยศรีต้องเอาทางที่ไปมาสดวกเปนสำคัญ เปนอันตกลง

มณฑลกรุงเก่า รวมเมืองอ่างทอง พรหมอินทร์ สิงค์ ลพบุรี สระบุรี พระพุทธบาท

มณฑลนครสวรรค์ รวมเมืองสรรค์ ไชยนาท มโนรม พยุห อุไทย กำแพงเพชร ตาก

มณฑลพิศณุโลกย์ รวมเมืองพิจิตร พิไชย สวรรคโลก ศุโขไทย

มณฑลปาจิณ รวมเมืองฉเชิงเทรา นครนายก แลจะต้องรวมถึงพนัศนิคม ชลบุรี บางลมุงทั้งเมือง พระตระบอง เสียมราฐ พนมศก ศรีโศภณด้วย

มณฑลจันทบุรี รวมเมืองระยอง กราด ประจันตศิริเขตร

มณฑลราชบุรี รวมเมืองประจวบ ปราณ เพชรบุรี สมุทสงคราม กาญจนบุรี

มณฑลนครราชสีห์มา รวมเมืองสุรินทร์ เมืองสังขะ แลจะต้องถอนเมืองเพชรบูรวิเชียรไปรวมเฃ้าในลาวกลางอีกมณฑลหนึ่งต่างหาก

หัวเมืองแหลมมลายูตลอด ภูมิ์ประเทศอาไศรยฤดูที่จะเดินไปมาได้ฝ่ายละครึ่ง แลเปนที่กำกับการหัวเมืองแฃก ควรจัดเปนมณฑลหนึ่ง ข้าหลวงใหญ่ตั้งอยู่เมืองนครศรีธรรมราช ฃ้าหลวงรองอยู่สงขลา 1 ภูเกจ 1 แต่มณฑลนี้ยังไม่จำเปนต้องจัด

ในการที่แบ่งมณฑลดังนี้ เปนอันปฤกษาตกลงเหนชอบด้วยกันหมด

ต่อไปปฤกษาด้วยเรื่องจะแบ่งมณฑลใดขึ้นกระทรวงใด

มณฑลปาจิณกะไว้จะให้ขึ้นกรมท่า กรมหลวงเทวะวงษ์ไม่สมัคที่จะรับ อยากจะขอให้ขึ้นกระทรวงมหาดไทย

สภานายกทูลถามกรมหลวงเทวะวงษว่า ที่แบ่งมณฑลให้ขึ้นตามกระทรวงนี้ กรมหลวงจะทรงเหนด้วยฤๅไม่ กรมหลวงเทวะวงษขอผัดตริตรอง

สภานายกถามเรียงตัวต่อไป

พระยามนตรีขอรับมณฑล 2 มณฑลขึ้นกระลาโหมตามเดิม

กรมหมื่นนเรศเหนควรขึ้นกระทรวงมหาดไทยหมดทั้งมณฑลกรุงเทพฯ, ก็ให้ขึ้นกระทรวงมหาดไทยด้วย

 

886 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

สมเด็จกรมพระภาณุเหนควรรวมขึ้นกรมเดียว เว้นแต่กรุงเทพฯ ให้ขึ้นกระทรวงเมือง

กรมหมื่นพรหมเหนควรรวมหมดอย่างกรมหมื่นนเรศร

เจ้าพระยาภาสเหนว่ากรุงเทพฯ, ให้ฃึ้นกรมเมือง นอกนั้นขึ้นกรมมหาดไทย

กรมหมื่นพิทยถามว่า ถ้ามณฑลกรุงเทพฯ, ให้ขึ้นมหาดไทยด้วย กรมเมืองจะมีน่าที่อไร กรมหมื่นดำรงอธิบายว่า กรมเมืองเหมือนเปนข้าหลวงเทศาภิบาลคนหนึ่งเหมือนกัน แต่เฃ้าในที่ประชุมได้โดยว่าถ้าเสดจอยู่หัวเมืองในแขวงมณฑลใด จะโปรดให้ฃ้าหลวงมณฑลนั้นมาจัดราชการก็ได้เหมือนกัน ตกลงกรมหมื่นพิทยเหนควรให้ฃึ้นกรมมหาดไทยหมด

กรมหมื่นสมมตถามว่า ถ้ารวมฃึ้นมหาดไทยหมด กระลาโหมจะให้ทำอไร สภานายกว่ากระลาโหมเอาไว้ปฤกษาต่างหาก ตกลงกรมหมื่นสมมตเหนควรฃึ้นมหาดไทยหมด เว้นแต่มณฑลกรุงเทพฯ ขึ้นกระทรวงเมือง

สภานายกทูลเตือนกรมหลวงว่าถึงวาระที่ทรงผัดไว้แล้ว ขอให้ตอบความเหน กรมหลวงเหนว่าเปนการเปลี่ยนแปลงมาก กลัวจะไม่สำเรจ แต่ลงความเหนว่า เหนควรรวมขึ้นมหาดไทยหมด เว้นแต่กระลาโหมจะไม่มีการอไรทำ ส่วนกระทรวงเมืองนั้น ข้างยุโรปเฃามีโลคัล มีแมร์ เปนกรมยุติธรรมเตี้ย ๆ ผิดกันชอบกลอยู่ อธิบายกันอยู่กับกรมหมื่นดำรงในเรื่องโลคัลยืดยาว

สถานายกทูลถามเอาแต่ข้อใจความที่ทรงเหนควรแยกขึ้นอย่างไร ตกลงเปนรวมขึ้นมหาดไทย เว้นแต่มณฑลกรุงเทพฯ ควรขึ้นกระทรวงเมือง

รวมความเหนทั้งหมด ที่เปนไปโดยมากคือมณฑลเทศาภิบาลอื่น ๆ ทั้งปวงให้ขึ้นกระทรวงมหาดไทยหมด เว้นแต่มณฑลกรุงเทพฯ, ให้ขึ้นกระทรวงนครบาล

สภานายกปฤกษาต่อไปถึงเรื่องกระทรวงกระลาโหม ตามที่กรมหลวงเทวะ กรมหมื่นสมมตปรารภขึ้นว่า ถ้ารวมเมืองขึ้นมหาดไทยหมด กระลาโหมจะทำอไรนั้น

กรมหมื่นพิทยลาภถามว่า การมหาดไทยที่รุงรังต่าง ๆ นอกจากการหัวเมือง มีเรื่องเลขเปนต้นนั้น มีอไรอีกบ้าง กรมหมื่นดำรงอธิบายด้วยเรื่องเลขว่าจะเลิกฤๅจะคงมีอยู่ดี ถ้าตั้งเทศาภิบาลขึ้นแล้วก็ตกลงอยู่ในน่าที่เทศาภิบาลทั้งนั้น ไม่ต้องทำธุระอไร กรมหมื่นพิทยลาภว่า จะเลิกฤๅจะคงมีอยู่ก็ดี ถ้าตั้งเทศาภิบาลขึ้นแล้ว ก็ตกลงจะอยู่ในน่าที่เทศาภิบาลทั้งนั้น ไม่ต้องทำธุระอไร กรมหมื่นพิทยว่า ถ้าเช่นนั้นกระลาโหมก็ควรมีน่าที่ในเรื่องบังคับการทหาร

กรมหมื่นดำรงเหนว่าควรรวมกรมทหารบกทหารเรือให้ขึ้นกระลาโหมเช่นกรมพิทยว่า แลยังมีการอื่นอีกที่ไม่เกี่ยวกับทหารบกทหารเรือ คือการตึกดินแลการพาหนเปนต้น ในส่วนการทหารเล่า ทหารเรือการน้อยกว่าทหารบก เสนาบดีจะต้องเปนภาระในการทหารบกมาก เหนควรจัดเปนเคานซิลทหาร มีเสนาบดี 1 ผู้บัญชาการทหารบก 1 ผู้บัญชาการทหารเรือ 1 ปลัดทูลฉลองว่าการฝ่ายพลเรือน 1 นี่แลให้รวมเปนกระทรวงกระลาโหม รวมความเปนกระทรวงกระลาโหมบังคับการทหารทั้งหมด

สภานายกถามเรียงตัวต่อไป

กรมหลวงเทวะวงษเหนด้วยตามนี้ เปนแต่สงไสยเรื่องตัวคน สภานายกว่ายังไม่เปนเวลาที่จะปฤกษาถึงตัวคน ๆ ต้องไว้ปฤกษาต่อไปข้างหน้า

กรมหมื่นนเรศร สมเด็จกรมพระภาณุ เจ้าพระยาภาส พระองค์ไชยันต์ กรมหมื่นพรหม

 

887 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

กรมหมื่นสมมต พระยามนตรี เหนชอบตามที่กรมหมื่นดำรงว่า

รวมความตกลงเหนว่า กระทรวงกระลาโหมควรให้เปนกระทรวงที่บังคับการทหารทั้งสิ้นเรื่องนี้เปนเรื่องใหญ่จะต้องปฤกษาต่อไปภายหลัง เวลานี้ให้ปฤกษาการเทศาภิบาลต่อไปให้ตลอดก่อน

ว่าด้วยข้าหลวงเทศาภิบาล เปนผู้รับคำสั่งจากกรุงเทพฯ บังคับบัญชาผู้ว่าราชการเมือง กรมการ ส่วนการบังคับบัญชาการในเมืองคงอยู่ในบังคับบัญชาผู้ว่าราชการเมืองกรมการ

อีกข้อหนึ่งว่าด้วยฃ้าหลวงเทศาภิบาลมีศักดินาหมื่นเสมอผู้สำเร็จราชการเมืองเอกเมืองโทข้าหลวงรอง ตำแหน่งมหาดไทย เปนผู้ช่วยธุระการพลเรือน 1 กระลาโหมเปนผู้ช่วยฝ่ายทหารทั่วไป 1 ยุติธรรมเปนผู้ช่วยในการกฎหมายแลถ้อยความ แลเปนผู้พิพากษาใหญ่สำหรับมณฑลด้วย 1 ข้าหลวงคลังเปนผู้ช่วยในการภาษีอากรแลประโยชน์แผ่นดิน 1 แลมีผู้ช่วยตามควร

ตกลงทั้งนั้น

อีกข้อหนึ่ง ว่าด้วยจะทำบาญชีสำมะโนครัว ตกลงจะต้องมีพระราชบัญญัติ

กรมหมื่นดำรงอธิบายด้วยเรื่องเงิน คิดมาแต่ส่วนมณฑลที่กะว่าจะขึ้นมหาดไทยตามเดิม บัดนี้เปลี่ยนแปลงไปเปนรวมทั้งหมดแล้ว จะต้องคิดใหม่ ว่ารวมความถ้าคิดร้อยละ 15 ในส่วนเงินภาษีอากรในเมืองที่คิดมาแล้วเปนพอ แต่มณฑลทะเลสองมณฑลไม่ได้คิด อยากจะงดไว้ก่อน เปนการตกลงตามนี้

ปฤกษาเรื่องที่จะจัดมณฑลกรุงเทพฯ, ต่อไป

กรมหมื่นนเรศรว่าจะต้องจัดการอนุโลมตามมณฑลหัวเมือง แต่ขนบธรรมเนียมคงผิดกันไปบ้าง เงินที่จะใช้คิดดูว่าถ้าได้ร้อยละ 15 ในหัวเมืองนั้น ๆ เหมือนดังกรมดำรงว่าก็เปนพอ ตกลงให้กรมหมื่นนเรศรไปคิดงบประมาณละเอียดมา

กรมหมื่นดำรงว่า การเทศาภิบาลตั้งขึ้นแล้วเนื่องถึงกรมนาด้วย คือกรมนาดูจะไม่มีธุระอไร การเก็บเงินค่านาแลอากรสวนก็คงไปอยู่ในเทศาภิบาลเปนผู้จัดทั้งสิ้น

สภานายกว่าเมื่อเปนเช่นนั้นแล้ว กรมนาก็เหลือแต่บ่อแร่แลแผนที่

กรมหลวงว่าบ่อแร่ที่ฝรั่งขึ้นกระทรวงโยธาก็มี เช่น ฝรั่งเศส เปนต้น

สภานายกถามว่า เมื่อกรมนามีการน้อยเช่นนี้ จะควรจัดอย่างไร

สมเดจกรมพระว่า ขอให้รอฟังพระประชาชีพก่อน

กรมหมื่นดำรงว่าจะต้องถวายความเหนเรื่องเทศาภิบาลให้ตกลงเสียก่อน

สมเดจกรมพระว่า ถ้าถวายเรื่องเทศาภิบาลก็ต้องถวายเรื่องทหารด้วย

สภานายกมีความเหนว่า กรมนาควรมีน่าที่จัดการบำรุงสินค้าตามที่คิดไว้เดิมแลมีชื่อกรมอยู่ว่าพนิชการอยู่แล้ว การนี้ยังไม่ได้จัดขึ้นเลย

กรมหมื่นดำรงว่า การเทศาภิบาลก็เกี่ยวกับการบำรุงการค้าขายอยู่แล้ว ที่สภานายกว่ากรมนาควรมีน่าที่เปนผู้บำรุงสินค้านั้นก็ถูกแล้ว แต่สำคัญที่เทศาภิบาล ถ้าเทศาภิบาลดีแล้ว ทำอไรอไรก็ได้หมด

สภานายกถามว่าน่าที่การบำรุงสินค้านี้เกี่ยวกับเทศาภิบาลฤๅไม่

 

888 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

กรมดำรงว่า ถ้าให้กรมนาเปนผู้บำรุงสินค้าจัดการได้เองแล้วก็ควรทำ ถ้ายังต้องใช้กรมการอยู่ เช่น เก็บเงินค่านาแล้วไม่ควรมี

เจ้าพระยาภาสเหนว่า กรมนา ถ้าจัดการอยู่เช่นนี้แล้วควรเลิก ถ้าจะจัดอย่างต่างประเทศยังเปนคุณ เจ้าพระยาภาสอธิบายการบำรุงสัตวแลพืชพรรณเล็กน้อยตามควร

กรมดำรงเหนว่าการน้อย ไม่พอแก่ที่เปนกระทรวงใหญ่ แลรวมความเหนว่า 113 ยังเลิกไม่ได้เพราะการเก็บเงินค่านา เทศาภิบาลยังจัดไม่ทัน ถ้าเลิกต้องไปเลิก 114 แล้วเลยคัดค้านถึงเรื่องเวรสัตวพาหนที่กรมนาขอตั้งขึ้นในศก 113 นั้น เห็นว่าไม่ควรมี ลงปลายตกลงเรื่องกรมนาให้คงอยู่ ไว้คิดปีน่า

ปฤกษาเรื่องทหารต่อไป สมเดจกรมพระอ่านความเหน

ข้อ 1 จะรวมน่าที่ราชการทหารทั้งเก่าใหม่ให้อยู่ในกระทรวงเดียวกัน แบ่งเปน 2 อย่างการพลเรือนสำหรับทหารเปนกรมพลเรือน การทหารเปนกรมทหาร

ข้อ 2 การพลเรือนมีกรมกลางเปนเจ้ากระทรวง 1 มีกรมน้อย 4 กรม คือ กรมคลังเงิน 1 กรมยุทธภัณฑ์ 1 กรมพาหะนะ 1 กรมชำระพล 1

ข้อ 3 กรมจเรทัพเปนกรมทหารพิเศษกรม 1 สำหรับตรวจตราการแลบัญชาการศึกษาวิชาทหารแลรวมคนยุโรปที่เปนผู้แนะนำแลอาจารย์ไว้เปนกลาง แลจะขอจ้างคนยุโรปที่ดี ๆ สำหรับแนะนำการคน 1 ขอจ้างนายทหารอีกนาย 1 แลจะบำรุงการศึกษาวิชาโรงเรียนนายสิบให้ดีขึ้นด้วย

ข้อ 4 กรมอย่างทหารมีกองบัญชาการสำหรับบังคับบัญชากองทหารแยกความรับผิดชอบเปนมณฑล ๆ กอง 1 มีตำแหน่งแม่ทัพแลนายทหารรองตามควร จัดเปน 3 ชั้น มณฑลกรุงเทพฯ,เปนชั้นที่ 1 มณฑลประเทศราช 2 มณฑลเปนชั้นที่ 2 มณฑลหัวเมืองชั้นใน 6 มณฑลเปนชั้นที่ 3

ข้อ 5 กองทหารจัดตั้งกระจายตามมณฑลแต่มณฑลกรุงเทพฯ, ต้องมีกองทหารมากเท่าที่มีอยู่ แก้ไขบ้างเลกน้อย แลเติมกองปืนใหญ่อีกสำรับ 1 แลตั้งกองยุทธภัณฑ์ทหารใหม่กอง 1 ในมณฑลหัวเมือง จัดกองทหารไว้เปนอัตราเท่า ๆ กันก่อน คือมีกองทหารม้า ทหารปืนใหญ่ แลกองพันตรีทหารราบ 2 กอง กับกองช่างเสบียงพาหนะ แพทย์ต่าง ๆ ตามควร แต่เงินเดือนจัดเปน 2 ชั้น ในหัวเมืองประเทศราช มีอัตราเงินเดือนสูงกว่าในหัวเมืองชั้นใน

เมื่อสมเดจกรมพระอ่านความเหนจบแล้ว สภานายกฃอให้ปฤกษาเปนข้อ ๆ

สมเดจกรมพระจึงยกข้อขึ้นปฤกษาว่าด้วยจะรวมการทหารทั้งหมดเก่าใหม่ แบ่งเปน 2 แผนกคือ ฝ่ายทหารแผนกหนึ่ง ฝ่ายพลเรือนแผนกหนึ่ง รวมตั้งเปนกรมหนึ่ง ฃ้อนี้ไม่มีผู้ใดคัดค้านเปนอันตกลง

กรมหมื่นดำรงอธิบายถึงการทหารตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาเปนการทดลองทั้งสิ้น

อีกข้อหนึ่งปฤกษาด้วยเรื่องแบ่งมณฑล คือ กรุงเทพฯ, ลาวกาว ลาวพวน กรุงเก่า พิศณุโลกย์ ราชบุรี ปาจิณ โคราช ลาวกลาง รวมเปน 9 มณฑล

สภานายกถามกรมหมื่นดำรง เพราะเปนการเกี่ยวน่าที่อยู่ว่าควรจะจัดตามนี้ฤๅไม่ กรมดำรงเหนชอบด้วยตามนี้

 

889 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

ข้อสำคัญในการทหารมีเท่านี้ นอกนั้นเปนการละเอียดไม่ควรปฤกษาในเวลานี้

ตกลงกันเปนให้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายตามความดำริห์ที่จะจัดนี้

กรมหลวงเทวะวงษทรงแจ้งความด้วยเรื่องพระองคเจ้าวัฒนา มีความเหนถวายมาด้วย การที่ควรจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงการทูตคือให้มีทูตคนเดียว นอกนั้นให้เปนอุปทูต เปนการที่ไม่ต้องขึ้นเงิน เปนแต่เปลี่ยนแปลงการเท่านั้น สภานายกว่าไม่เกี่ยวด้วยการเงิน ของดไว้ปฤกษาภายหลัง

กรมหมื่นดำรงทูลต่อ ถึงเรื่องการมหาดไทย กระลาโหมตามที่ปฤกษากันมาแล้วนี้ ปรารภถึงศาลาลูกขุนชำรุดทรุดโทรมมาก จำเปนที่จะต้องซ่อมแซมใหม่ การที่จะซ่อมแซมนี้ ถ้าว่าตามการที่เปนไปอยู่ทุกวันนี้ มหาดไทยกับกระลาโหมต้องเปนผู้เบิกเงินทำคนละครึ่ง แต่ถ้าว่าตามที่จะจัดอย่างใหม่แล้ว จะเอาศาลาลูกขุนทั้งหมดเปนที่ว่าการมหาดไทย ฤๅกระลาโหมก็ไม่พอทั้งสองอย่าง เหนว่าการเทศาภิบาลเมื่อตั้งขึ้นแล้ว การที่จะสั่งราชการต่าง ๆ ไปยังข้าหลวงเทศาภิบาลมีมาก กระทรวงมหาดไทยเปนผู้สั่งทั้งหมดนั้นไม่ไหว เพราะเปนการมากมายนัก ควรเจ้ากระทรวงทุกกระทรวงจะสั่งด้วยการที่เกี่ยวข้องในกระทรวงตามน่าที่ แต่เมื่อเปนเช่นนี้แล้วก็มีความลำบากอยู่ที่ต่างคนต่างสั่งไม่รู้กัน บางที่คำสั่งก็จะไปคัดค้านกันขึ้นได้เปนที่เสียราชการ จึงเหนควรจะแก้ศาลาลูกขุนเข้าหาการนี้ คือให้เปนที่รวมปฤกษาแลสั่งราชการ แลรวมหนังสือราชการทั้งสิ้นว่าที่แท้ก็คืออย่างเก่าแต่โบราณนั้นเอง ควรจัดให้มีที่ประชุมรัฐมนตรี องคมนตรี แลห้องประจำตัวเสนาบดีสำหรับที่จะมาพักแลสั่งราชการ เมื่อมีราชการอันใดก็จะได้มาพูดจาปฤกษาหาฤๅกัน ไม่ต้องมีหนังสือไปมาในระหว่างกระทรวงต่อกระทรวง เปนการย่นเวลาแลเปลืองน้อยเฃ้าด้วย แลเปนการลงแบบโบราณด้วย เมื่อจะตั้งที่ปฤกษากฎหมายก็ตั้งฃึ้นได้

สภานายกถามที่ประชุมว่าตามที่กรมหมื่นดำรงว่านี้จะมีใครคัดค้านบ้าง ตกลงเหนชอบพร้อมกันไม่มีผู้ใดคัดค้าน

สภานายกถามน่าที่อื่น ๆ ต่อไป ถึงการที่จะเอามาปฤกษา ดูไม่สู้มีการสำคัญอันใดนัก ตกลงเปนอันให้งดไว้ก่อน ให้เก็บข้อความสำคัญตามที่ปฤกษานี้ ทำหนังสือกราบบังคมทูลพระกรุณาก่อน

กรมหมื่นดำรงขอเลิกประชุม กรมหลวงเทวะวงษรับรอง

เลิกประชุม 2 ยาม 10 นาที ยังไม่มีกำหนดนัดประชุมต่อไป

–––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––

ประชุม

วันที่ 9 มีนาคม รัตนโกสินทรศก 112

ภาณุรังษี

นเรศวรฤทธิ์

พรหมวรานุรักษ์

 

890 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

เทวะวงษวโรประการ

สมมตอมรพันธุ์

พิทยลาภพฤฒิธาดา

นริศรานุวัดติวงษ์

ไชยันต

ภาสกรวงษ์

มนตรี

อักษรเลือน

(หน้า 5) อยู่ในน่าที่ผู้พิพากษาใหญ่รับผิดชอบต่อกระทรวงยุติธรรม ไม่เกี่ยวกับข้าหลวงใหญ่ เทศาภิบาลแยกธุรการแลตุลาการเปนพแนกกัน

รวมการเทศาภิบาลที่จะจัดในชั้นต้นดังนี้ จะรับพระราชทานจัดขึ้นในชั้นแรกนี้ มณฑลกรุงเก่า นครสวรรค์ พิศณุโลกย์ นครราชสีห์มา ปาจิณ ราชบุรี รวม 6 มณฑล เปน 7 ทั้งมณฑลกรุงเทพฯ ด้วย

เมื่อได้แบ่งหัวเมืองเปนมณฑลดังนี้แล้ว การบังคับบัญชาในหัวเมืองเหล่านั้นแต่ก่อนย่อมขึ้นกระทรวงมหาดไทยบ้าง กระลาโหมบ้าง กรมท่าบ้าง ถ้าจะคงแยกขึ้นกระทรวงทั้งสามตามเดิม ความบังคับบัญชาก็จะแยกเปนหลายแห่งไป การทั้งปวงที่จัดในเทศาภิบาลก็เปนวิธีอันเดียวกัน สมควรที่จะรวมให้ขึ้นกระทรวงมหาดไทยทั้งหมด เว้นแต่มณฑลกรุงเทพฯ ให้ขึ้นกระทรวงนครบาล เสนาบดีกระทรวงนครบาลบังคับตลอดแขวงหัวเมืองในมณฑลเหมือนเปนข้าหลวงเทศาภิบาลกองหนึ่ง จัดการเหมือนเทศาภิบาลมณฑลอื่น ๆ เปนแต่วิธีแลขนบธรรมเนียมจะต้องแปลกกันบ้าง

เมื่อได้รวบรวมหัวเมืองไปขึ้นกระทรวงมหาดไทยหมดแล้ว ส่วนกระทรวงว่าการต่างประเทศย่อมมีราชการอันสำคัญสำหรับตำแหน่งอยู่แล้ว เปนอันไม่ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงอันใด แต่กระทรวงกระลาโหมหามีราชการสำคัญอันใดไม่ นับว่าเปนอันว่างอยู่

ส่วนการทหารเล่า ในการที่เป็นมาแล้ว ย่อมยังไม่เป็นการเรียบร้อยบริบูรณ จำเป็นที่จะต้องจัดการแก้ไขให้เปนการดีขึ้น เห็นด้วยเกล้าฯ ว่า กระทรวงกระลาโหมนี้ แต่ก่อนมาก็เปนน่าที่บังคับราชการฝ่ายทหาร สมควรที่จะรวมการทหารเก่าใหม่ทั้งปวงให้อยู่ในความบังคับบัญชาอันเดียวกัน ให้กระทรวงกระลาโหมบังคับบัญชาการ รวมทั้งทหารบก ทหารเรือ แลการพลเรือนที่เนื่องด้วยการทหาร ควรตั้งเปนยุทธมนตรี มีเสนาบดีสำหรับบัญชาการทั้งปวง 1 ผู้บัญชาการทหารบกว่าการฝ่ายทหารบกในมณฑลกรุงเทพฯ ผู้บัญชาการทหารเรือว่าการฝ่ายทหารเรือทั้งสิ้น 1 ปลัดทูลฉลองว่าการพลเรือนที่เนื่องด้วยการทหาร 1 รวมเปนกระทรวงกระลาโหม ยกเลิกกรมยุทธนาธิการเสีย

แลจะได้จัดการที่เปนสำคัญคือแยกกองทหารออกเปนมณฑล อนุโลมตามเทศาภิบาล มีผู้บัญชาการ สิทธิขาดในมณฑลนั้น ๆ ในชั้นต้นนี้ควรจะตั้ง 9 มณฑล คือมณฑลกรุงเทพฯ 1

 

891 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

กรุงเก่า 1 นครสวรรค์ 1 พิศณุโลกย์ 1 ราชบุรี 1 ปาจิณ 1 นครราชสีห์มา 1 ลาวพวน 1 ลาวกาว 1

เมื่อได้ปฤกษากันนี้แล้ว ได้ปรารภถึงศาลาลูกขุนในบัดนี้ ชำรุดทรุดโทรมมาก จำเปนที่จะต้องซ่อมแซมให้ดีขึ้น จึ่งมาเห็นด้วยเกล้าฯ ว่า ถ้าทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกระลาโหมตามความเห็นนี้แล้ว ศาลาลูกขุนทั้งสองข้างจะรวมเปนที่ว่าการกระทรวงมหาดไทย คือการเทศาภิบาลทั้งหมดที่ก็ไม่พอ จะรวมเปนที่ว่าการกระทรวงกระลาโหม คือการทหารทั้งหมดที่ก็ไม่พอ จำต้องจัดที่ว่าการในที่อื่น แลเมื่อได้ตั้งการเทศาภิบาลขึ้นแล้ว ต้องสั่งไปยังข้าหลวงเทศาภิบาลมีมาก กระทรวงมหาดไทยจะเปนผู้สั่งทั้งหมดนั้นไม่ไหว เพราะเปนการมากมายนัก ควรต้องให้เจ้ากระทรวงนั้น ๆ สั่งการที่เกี่ยวข้องในน่าที่ของตน แต่เมื่อเปนเช่นนี้ ย่อมเปนความลำบากอยู่อีกอย่างหนึ่งที่ต่างคนต่างสั่ง จะเปนการไม่รู้กันได้ บางทีจะไปเปนหัวข้อขวางกันขึ้นเปนที่เสียราชการ จึ่งเห็นด้วยเกล้าฯ ว่า ศาลาลูกขุนนี้แต่โบราณมาย่อมเปนที่ประชุมปฤกษาราชการทั่วไป ควรจะจัดศาลาลูกขุนขึ้นใหม่ให้เข้าแบบเดิม คือให้เปนที่สำหรับประชุมปฤกษาราชการทั้งปวง มีห้องประชุมรัฐมนตรี องคมนตรี แลห้องประจำตัวเสนาบดี สำหรับมาพักแลมาสั่งราชการปฤกษาราชการ แลให้เปนที่รวบรวมหนังสือราชการทั้งปวง แลเปนที่รวมทำคำสั่งราชการต่าง ๆ ทุกกระทรวง ผู้ใดจะสั่งราชการอันใดก็ให้มารวมสั่งเปนแห่งเดียวกัน แลผู้ใดจะมีการอันใดเกี่ยวข้องกัน ก็จะได้มาปฤกษาหาฤๅกัน ตัดการมีหนังสือไปมาในระหว่างกระทรวงต่อกระทรวงเสีย เปนการย่นเวลาแลเปลืองพระราชทรัพย์น้อยลงด้วย แลถ้าจะตั้งที่ประชุมปฤกษากฎหมายขึ้นก็ควรรวมตั้งในที่นี้ด้วย

รวมสรุปความเหนที่กราบบังคมทูลพระกรุณานี้ เปนแต่ใจความทั้ง 4 ข้อ คือ

1. ควรตั้งเทศาภิบาล แลรวมขึ้นในกระทรวงมหาดไทยทั้งหมด

2. มณฑลกรุงเทพฯ, รวมหัวเมืองที่ใกล้เคียง ให้ขึ้นกระทรวงนครบาล

3. รวมกองทหารทั้งปวง ตั้งเปนกระทรวงกระลาโหม เลิกกรมยุทธนาธิการ

4. จัดศาลาลูกขุนเปนที่รวบรวมราชการทั้งปวง

เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประการใดแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าจะได้รับใส่เกล้าฯ ปฤกษากันจัดการฉลองพระเดชพระคุณสืบไป ตามกระแสพระบรมราชโองการที่จะโปรดเกล้าฯ มานั้น

ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ฃอเดชะ

–––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––

ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าลอองธุลีพระบาท ด้วยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงประชุมพร้อมกันปฤกษาตรวจงบประมาณประจำรัตนโกสินทรศก (27) 113 นั้น พระเดชพระคุณเปนล้นพ้นเกล้าฯ หาที่สุดมิได้

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงได้ประชุมปฤกษาเห็นด้วยเกล้าฯ พร้อมกันว่าก่อนที่เสนาบดีเจ้ากระทรวงจะทำประมาณรายเลอียดมายื่น ควรจะนำข้อความเห็นในการซึ่งควรจะจัดใหม่ในกระทรวงนั้น ๆ ในปีหน้ามาปฤกษา เพื่อได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลเสียก่อน เมื่อ

 

892 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

 

ชอบด้วยกระแสพระราชดำริห์โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดแล้ว จึ่งควรจะประมาณรายเลอียดมาตรวจต่อไป เช่นนี้เพื่อจะให้เปนการสะดวกไม่ต้องตัดรอนมากมาย แลเปนการลำบากตรากตรำอย่างปีก่อน ๆ

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงได้ประชุมปฤกษากันต่อมา เสนาบดีต่างตำแหน่งต่างได้ชี้แจงความเห็นซึ่งควรจะจัดแลแก้ไขการในกระทรวงนั้น ๆ มีข้อความเปนหลายประการ ที่เปนการสำคัญนั้น คือการเทศาภิบาล ที่จะจัดหัวเมืองเฃ้าเปนมณฑล มีฃ้าหลวงบังคับบัญชาอย่างมณฑลปาจิณที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดขึ้นเปนตัวอย่างแล้วแห่ง 1 นั้น เหนด้วยเกล้าฯ พร้อมกันว่า ในศก27 113 นี้ควรจะจัดขึ้นอีก 6 มณฑล รายเมืองที่รวมเปนมณฑลต่าง ๆ แจ้งอยู่ในบาญชีที่ทูลเกล้าฯ ถวายด้วยแล้ว การตั้งฃ้าหลวงเทศาภิบาลนี้เหมือนสร้างเครื่องมือขึ้นสำหรับทำการต่าง ๆ ซึ่งจะให้เปนความเจริญแลแก้ไขความเสื่อมเสียภายในพระราชอาณาเขตรให้สำเรจได้ดังพระราชประสงค์ต่อไปภายหน้า จึ่งเหนด้วยเกล้าฯ ว่าจำเปนจะต้องจัดขึ้น แต่เมื่อรวมหัวเมืองเข้าเปนมณฑลแลมีฃ้าหลวงเทศาภิบาลอันสามารถจะบังคับบัญชาราชการอยู่ประจำกับท้องถิ่นฉนั้นแล้ว ภาระในหน้าที่เสนาบดีซึ่งได้บังคับบัญชาหัวเมืองก็จะเบาลงโดยส่วนหนึ่งซึ่งไม่จำเปนจะต้องสั่งราชการโดยพิศดารแลต้องสอบสวนการมากมายอย่างเดี๋ยวนี้ ที่หัวเมืองยังแยกย้ายขึ้นมหาดไทยกระลาโหมแลกระทรวงต่างประเทศอย่างนี้ก็ไม่จำเปน แลย่อมเปนทางที่จะขัดข้องแก่ความเจริญ เพราะเหตุที่การแบบอย่างอันเดียวกันจะต้องแยกย้ายกันทำ แลดูแลเปนฝ่าย ๆ ต่างกันไป อีกประการหนึ่ง ราชการในกระทรวงต่างประเทศก็มีหนักแน่นเปนอันมาก จึ่งเหนด้วยเกล้าฯ พร้อมกันว่า การบังคับบัญชาราชการฝ่ายพลเรือนตามหัวเมืองควรจะรวมอยู่ในกระทรวงมหาดไทยกระทรวงเดียว

อีกประการ 1 ถ้าจัดการดังกราบบังคมทูลพระกรุณามานี้ หน้าที่ในกระทรวงพระกระลาโหมคงจะเบาลงโดยเหตุที่ยกการหัวเมืองมาในกระทรวงมหาดไทย เหนด้วยเกล้าฯ ว่ากระทรวงพระกระลาโหมก็ได้มีหน้าที่ในราชการทหารมาแต่โบราณ แลทุกวันนี้ราชการทหารต่าง ๆ ก็ยังขึ้นอยู่ในกระทรวงกระลาโหมเปนอันมาก ที่ไม่ได้ขึ้นกระทรวงพระกระลาโหมก็มีแต่ทหารบกอย่างยุโรปพวกเดียว มีกรมยุทธนาธิการบังคับอยู่ต่างหาก ควรจะรวมหน้าที่การบังคับทหารบกมาเข้าในกระทรวงพระกระลาโหมให้เปนกระทรวงสำหรับการทหารทั่วไป ก็คงจะเปนประโยชน์แก่ราชการมากขึ้น แลจะเลิกกรมยุทธนาธิการได้กรม 1 โดยมิจำเปนจะต้องมีการทั้ง 2 อย่างนี้เปนการสำคัญ เพราะเปนการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ในกระทรวงใหญ่ ฃ้าพระพุทธเจ้าจึ่งเหนพร้อมกันว่า ควรจะนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาก่อน ถ้าชอบด้วยกระแสพระราชดำริห์จึ่งจะได้ปฤกษาประมาณในการเปลี่ยนแปลงนี้ต่อไป

ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ฃอเดชะ

บาญชีกะรวมเจ้าเมืองเปนมณฑล

เทศาภิบาล

(1) รวมเมืองสมุทปราการ 1 เมืองนครเขื่อนขันธ์ 1 เมืองนนทบุรี 1 เมืองประทุม-ธานี 1 เมืองสมุทสาคร 1 เมืองนครไชยศรี 1 เมืองสุพรรณบุรี 1 รวม 7 หัวเมือง นี้มาเฃ้า

 

893 ประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทย

จังหวัดกรุงเทพฯ ขึ้นกระทรวงพระนครบาล

(2) มณฑลกรุงเก่า รวมเมืองอ่างทอง เมืองพรหมบุรี เมืองอินทบุรี เมืองสิงหบุรี เมืองลพบุรี เมืองสระบุรี เมืองพระพุทธบาท รวมเปนมณฑล 1

(3) มณฑลนครสวรรค์ รวมเมืองสรรคบุรี เมืองไชยนาท เมืองมะโนรม เมืองพยุหคีรี เมืองอุไทยธานี เมืองกำแพงเพชร เมืองตาก รวมเปนมณฑล 1

(4) มณฑลพิศณุโลกย์ รวมเมืองพิจิตร เมืองพิไชย เมืองสวรรคโลกย์ เมืองศุโขไทย รวมเปนมณฑล 1

(5) มณฑลปาจิณ รวมเมืองฉเชิงเทรา เมืองนครนายก แลจะต้องรวมถึงเมืองพนัศนิคม เมืองชลบุรี เมืองบางละมุง กับทั้งเมืองพระตบอง เมืองนครเสียมราฐ เมืองพนมศก เมืองศรีโสภณ รวมเปนมณฑล 1

(6) มณฑลราชบุรี รวมเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมืองปราณบุรี เมืองเพชรบุรี เมืองสมุทสงคราม เมืองกาญจนบุรี รวมเปนมณฑล 1

(7) มณฑลนครราชสีห์มา รวมเมืองสุรินทร์ เมืองสังขะ รวมเปนมณฑล 1

(8) มณฑลจันทบุรี รวมเมืองระยอง เมืองกราด เมืองปัจจันตคีรีเฃตร์ รวมเปนมณฑล 1

(9) หัวเมืองแหลมมลายู ภูมิประเทศอาไศรยฤดูที่จะเดินไปมาได้ฝ่ายละครั้ง แลเปนที่กำกับการหัวเมืองแฃก ควรจัดเปนมณฑล 1 มีฃ้าหลวงใหญ่ตั้งอยู่เมืองนครศรีธรรมราช แลมีฃ้าหลวงมาอยู่เมืองสงขลาแห่งหนึ่ง เมืองภูเกจแห่งหนึ่ง รวมเปนมณฑลเทศาภิบาลชั้นใน 9 มณฑล

คิดทั้งหัวเมืองชั้นนอก คือมณฑลลาวพวน 1 ลาวกาว 1 ลาวกลาง 1 (ซึ่งควรยกเมืองวิเชียน เพชร์บูร หล่มศัก รวมเฃ้าเปนมณฑล 1 รวมกันเปน 12 มณฑล ฤๅรวมทั้งหัวเมืองประเทศราช คือลาวเฉียงมณฑล 1 มลายูปักข์ใต้มณฑล 1 มลายูฝ่ายตวันตกมณฑล 1 รวมทั้งสิ้นเปน 15 มณฑล ด้วยกันทั้งพระราชอาณาเฃตร